เงินเฟ้อเดือนเมษายน 2568 ติดลบ 0.22% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี สะท้อนผลของราคาพลังงานที่ลดลงและมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ แต่ในขณะที่ตัวเลขบ่งชี้การชะลอตัวของราคาสินค้า หลายครอบครัวยังคงรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงไม่ลด การฟื้นกำลังซื้อยังอ่อนแรงท่ามกลางแรงเสียดทานของเศรษฐกิจจริง

การหดตัวของเงินเฟ้อครั้งนี้เกิดขึ้นในบริบทที่เศรษฐกิจไทยและโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนหลายด้าน อัตราดอกเบี้ยโลกยังอยู่ในระดับสูง กดดันต้นทุนการเงินและการลงทุน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อราคาพลังงานในประเทศ แม้ภาครัฐพยายามตรึงราคาด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น ลดค่าไฟฟ้า และกระตุ้นการบริโภคผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่แรงกดดันจากต้นทุนสินค้าเกษตรและอาหารบางชนิดยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตา
ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายนลดลง 0.22% หลัก ๆ มาจากหมวดพลังงานที่ลดลงอย่างชัดเจน ทั้งราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และค่าไฟฟ้า ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบโลก รวมถึงสินค้าจำเป็นอื่น ๆ เช่น ของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าบางประเภท
ในขณะที่ “หมวดอาหาร” กลับยังเพิ่มขึ้น 1.63% สะท้อนความกดดันจากราคาสินค้าจำเป็นต่อเนื่อง ทั้งเนื้อสุกร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร เช่น น้ำมันพืช และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
สัญญาณบวก คือ ราคาผักสดและไข่ไก่ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย และมาตรการส่งเสริมการผลิตของรัฐเริ่มเห็นผล
สัญญาณลบ คือ เงินเฟ้อพื้นฐาน (ซึ่งหักอาหารสดและพลังงานออก) ยังขยับขึ้นเป็น 0.98% สะท้อนว่าค่าครองชีพโดยรวมยังไม่เบาลงในระดับที่ประชาชนสัมผัสได้อย่างแท้จริง
แม้ภาพรวมราคาสินค้าบางกลุ่มจะลดลง แต่ “ค่าใช้จ่ายประจำ” ของประชาชนอย่างค่าเช่าบ้าน ค่าทัศนาจร และบริการส่วนบุคคลยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนการลดน้ำหนักที่ตัวเลขบนตาชั่งลด แต่ไขมันส่วนลึกยังสะสมอยู่ การใช้ชีวิตประจำวันจึงยังรู้สึกถึงแรงตึงค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยและผู้มีรายได้คงที่ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นยังสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะในภาคบริการที่ต้องพึ่งพาแรงงานและพลังงาน ต้องบริหารต้นทุนในสภาวะที่ “ราคาขายลด แต่ต้นทุนจริงยังไม่ลด” กลายเป็นภาระหนักในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวแบบเปราะบาง
เงินเฟ้อที่ลดลงในเดือนเมษายนอาจเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะค่าครองชีพที่ชะลอตัวในระยะสั้น แต่ยังไม่อาจตีความว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะเงินเฟ้อพื้นฐานยังเร่งตัวขึ้น ภาครัฐเตรียมทบทวนคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งหากแนวโน้มราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่อง และมาตรการรัฐได้ผลจริง อัตราเงินเฟ้ออาจทรงตัวหรือลดลงได้อีกในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากต้นทุนสินค้าเกษตรและพลังงานเฉพาะจุดยังคงเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะกดดันค่าครองชีพได้ทุกเมื่อ
เศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปจึงยังต้องเดินบนเส้นทางที่ละเอียดอ่อน ระหว่างการฟื้นตัวที่เปราะบางและความพยายามกดแรงกดดันเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ประชาชนรู้สึกได้จริง