สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยผลวิเคราะห์เชิงลึกถึงผลกระทบที่สินค้าเกษตรไทยจะเผชิญจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สอง พบว่าสินค้าเกษตร 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้าที่มีศักยภาพในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด สินค้าที่มีโอกาสขยายตัว และสินค้าที่ต้องเฝ้าระวังการเบี่ยงเบนทางการค้า มีความเสี่ยงและโอกาสแตกต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มข้าว อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบทางตรงจากกำแพงภาษีใหม่ และการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกที่จีนอาจระบายสินค้าเข้าสู่ตลาดทางเลือกมากขึ้น กระทบการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยทั้งในสหรัฐฯ และตลาดโลกในระยะถัดไป
สินค้าเกษตรไทยเจอแรงกระเพื่อม “ภาษีทรัมป์ 2.0”
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามนโยบายการค้าสหรัฐฯ ภายใต้ “ทรัมป์ 2.0” ที่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้า รวมถึงยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีขั้นต่ำ (De Minimis) ต่อสินค้าจากจีน และการตอบโต้ทางภาษีของจีน ส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจาก Trademap.org ระบุว่าในปี 2567 ไทยส่งออกสินค้าเกษตร (HS 01-24) ไปสหรัฐฯ มูลค่า 4,759.5 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด ได้แก่ อาหารสัตว์ ข้าว ปลาทูน่าปรุงแต่ง น้ำผลไม้ กุ้งแช่แข็ง และสับปะรดปรุงแต่ง เป็นต้น
วิเคราะห์ผลกระทบสินค้าเกษตรไทย: 3 กลุ่มหลัก
สนค. แบ่งผลกระทบออกเป็น 3 กลุ่มสำคัญ ได้แก่
1. สินค้าที่ไทยมีศักยภาพ
กลุ่มสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดสูงในสหรัฐฯ และมีโอกาสได้ประโยชน์จากการลดนำเข้าจากจีน ได้แก่:
- อาหารสุนัขและแมว (HS 2309.10) ไทยมีส่วนแบ่ง 38% ของตลาดสหรัฐฯ
- ข้าว (HS 1006.30) ไทยครองส่วนแบ่งสูงถึง 56%
- ปลาแมคเคอเรลปรุงแต่ง (HS 1604.15) ไทยมีส่วนแบ่ง 31%
- เนื้อปลาลิ้นหมาแบบฟิลเล (HS 0304.83) ไทยตามหลังจีน โดยมีส่วนแบ่ง 10%
- หน่อไม้ปรุงแต่ง (HS 2005.91) ไทยมีส่วนแบ่ง 17%
2. สินค้าที่ไทยมีโอกาส
กลุ่มสินค้าที่จีนครองตลาดสหรัฐฯ และไทยยังมีสัดส่วนไม่มาก แต่มีศักยภาพเติบโต เช่น:
- พาสต้า เส้นหมี่ วุ้นเส้น (HS 1902.30)
- ปลาหมึกแช่แข็ง (HS 0307.43)
- ซอสถั่วเหลือง (HS 2103.10)
- ปลาอื่น ๆ ปรุงแต่ง (HS 1604.19)
- พืชผักตระกูลถั่วแช่แข็ง (HS 0710.29)
ทั้งนี้ ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจากมาตรการ “ภาษีต่างตอบแทน” (Reciprocal Tariff) ที่สหรัฐฯ กำหนดกับไทยในอัตราสูงถึง 36% แม้จะถูกระงับไว้ชั่วคราว 90 วันตั้งแต่ 9 เมษายน 2568
3. สินค้าที่ต้องเฝ้าระวังการเบี่ยงเบนทางการค้า
กลุ่มสินค้าทีไทยปลูกได้แต่ปริมาณไม่พอต่อการบริโภคภายใน เช่น:
- กระเทียมสดหรือแช่เย็น (HS 0703.20) ไทยต้องนำเข้าจากจีนเป็นหลัก
- พืชผักปรุงแต่งไม่ให้เสีย (HS 2005.99) ไทยมีสถานะผู้ส่งออกสุทธิ
- พริกแห้งหรือพริกไทยเทศแห้ง (HS 0904.21) ไทยนำเข้าและส่งออกกับจีนและสหรัฐฯ
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจทำให้สินค้าจากจีนไหลบ่าเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น กระทบต่อเกษตรกรไทยโดยตรง ทั้งในแง่การแข่งขันด้านราคาและการผลิต

แนวทางรับมือและโอกาสใหม่สำหรับสินค้าเกษตรไทย
สนค. แนะนำให้ผู้ส่งออกไทยเร่งสร้างศักยภาพการผลิต เพิ่มคุณภาพสินค้า และทำตลาดเชิงรุกเพื่อขยายส่วนแบ่งในสหรัฐฯ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ข้อมูล : bangkokbiznews