เปิดงบ Q1/2568 กำไร 11 ธนาคารไทยโต 5.62% แม้รายได้รวมลด ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจยังเปราะบาง

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่ง ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 (1Q68) โดยมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 68,392 – 68,395 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 5.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 64,752 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าการเติบโตของกำไรครั้งนี้เกิดขึ้นแม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมจะลดลงเล็กน้อย 0.49% มาอยู่ที่ 2.51 แสนล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความเปราะบางและท้าทาย

ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรในไตรมาสแรกนี้ ส่วนใหญ่มาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL) ที่ลดลงของหลายธนาคาร เช่น SCB, BAY และ TTB นอกจากนี้ BBL ยังมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม

ภาพรวมผลการดำเนินงานของแต่ละธนาคาร:

  • ธนาคารที่มีกำไรสุทธิสูงสุด:
    • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK): ยังคงครองแชมป์ด้วยกำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท แม้ว่าจะเติบโตเพียง 1.08% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    • ธนาคารกรุงเทพ (BBL): มีกำไรสุทธิ 12,617 – 12,618 ล้านบาท โดดเด่นด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 19.90% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    • บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCB): ทำกำไรสุทธิได้ 12,502 ล้านบาท เติบโต 10.82% จากปีก่อน
  • ธนาคารที่มีอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่น (แม้กำไรสุทธิอาจไม่สูงที่สุด):
    • ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (CREDIT): มีการเติบโตของกำไรสูงถึง 100%
    • บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG): กำไรเติบโต 74%
    • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT): กำไรเพิ่มขึ้น 34%
  • ธนาคารที่มีกำไรสุทธิลดลง:
    • ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP): กำไรสุทธิลดลงมากที่สุดถึง 29.55% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือ 29.4%
    • ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (CREDIT): แม้กำไรไตรมาส 1 จะเติบโต แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรกลับลดลง 24.24%
    • บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO): กำไรสุทธิลดลง 5.19% จากปีก่อน
    • ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB): กำไรสุทธิลดลง 5.17% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY): กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 0.12% จากปีก่อน

บทวิเคราะห์และแนวโน้มเศรษฐกิจ:

ถึงแม้กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะสามารถทำกำไรเติบโตได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 แต่การที่รายได้รวมลดลงนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ปัจจัยสำคัญที่กดดันผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร ได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income: NIM) ประกอบกับความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารส่วนใหญ่ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกที่สูงขึ้น ทำให้โดยรวมแล้วการเติบโตของสินเชื่อยังไม่มากนัก

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส มองว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวลงอีก 1-2 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 หรือครึ่งปีหลังอาจจะแผ่วลงในแง่ของ “รายได้ดอกเบี้ย” หรือ NIM ที่อาจจะแคบลง นอกจากนี้ ปัจจัยเศรษฐกิจไทยที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อในหลายธนาคารก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจจะลดลงได้ เนื่องจากในปีก่อนหน้าได้มีการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และมีการตั้งสำรองหนี้ในเชิงรุกไปแล้ว ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงได้บ้าง

ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับบางธนาคาร:

  • KBANK: แม้จะเป็นธนาคารที่มีกำไรสูงสุด แต่การเติบโตที่ชะลอตัวและการที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลง สะท้อนถึงผลกระทบจากภาวะตลาดและการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตาม การลดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เป็นไปตามแผน และนักวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่ามีโอกาสที่ค่าใช้จ่ายสำรองจะกลับสู่ระดับปกติในปี 2568
  • SCB: การเติบโตของกำไรได้รับแรงหนุนจากการควบคุมต้นทุนและบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก
  • BBL: การเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง นักวิเคราะห์ยังปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 ขึ้น
  • KKP: การที่กำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญอาจเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ในตลาดเช่าซื้อซึ่งเป็นพอร์ตหลักของธนาคาร แม้ว่านักวิเคราะห์จะปรับเพิ่มประมาณการกำไรในภาพรวม แต่ยังคงมีมุมมองที่ไม่ชอบ

ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรได้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากรายได้รวมที่ลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนและ ECL ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง แรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในไตรมาสต่อๆ ไป การบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธนาคารพาณิชย์ในการรักษาการเติบโตในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนนี้

<strong>เปิดงบ Q12568 กำไร 11 ธนาคารไทยโต 562</strong>