ตลาดเงิน-การลงทุน-การส่งออก-การแข่งขัน-เศรษฐกิจโลก กำลังส่งแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจไทย แนะจับตาผลกระทบระยะสั้นถึงยาว
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลกระทบเบื้องต้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยชี้ว่าสถานการณ์จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมระบุไทยจะได้รับผลกระทบผ่าน 5 ช่องทางหลัก ทั้งตลาดการเงิน การลงทุน การส่งออก การแข่งขัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ตลาดการเงินผันผวน ค่าเงินบาทแข็ง หุ้นปรับลด สัญญาณเตือนชัด
ธปท. ระบุว่า ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินทั้งโลกและไทยมีความผันผวนสูงขึ้น แม้สภาพคล่องและกลไกธุรกรรมยังเป็นปกติ ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแข็งค่า 2.71% ณ วันที่ 17 เมษายน 2568 เทียบกับช่วงก่อน 2 เม.ย. ขณะที่สกุลเงินอื่นในภูมิภาค เช่น เยนญี่ปุ่น และวอนเกาหลี แข็งค่าขึ้นถึง 4.75% และ 3.11% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงตามแนวโน้มภูมิภาค ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่พบธุรกรรมผิดปกติจากนักลงทุนสถาบัน การระดมทุนผ่านหุ้นกู้ยังเป็นไปตามปกติ โดยธปท. จะติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบทางการเงินต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาษีการค้า
การลงทุนชะลอ ธุรกิจ “Wait and See” กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์รอความชัดเจน
ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ทำให้ธุรกิจชะลอการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และเครื่องจักร ผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มทบทวนแผนการลงทุนและรอความชัดเจนในเชิงนโยบาย หากไทยถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง อาจเห็นการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย
การส่งออกเสี่ยงกระทบหนัก ครึ่งปีหลังจ่อเห็นชัด
ภาษีการค้านำเข้าสหรัฐฯ (tariff) เป็นช่องทางที่กระทบการส่งออกของไทยโดยตรง แม้ขณะนี้การบังคับใช้ reciprocal tariff ถูกเลื่อนออกไป 90 วัน แต่คาดว่าผลกระทบจะเริ่มชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 สินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็น 18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด หรือ 2.2% ของ GDP โดยสินค้าเสี่ยงสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ยานยนต์ อาหารแปรรูป
นอกจากนี้ สินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งของ supply chain โลก เช่น ยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกไปสหรัฐฯ
แข่งขันดุเดือด สินค้าคู่แข่งทะลักเข้าไทย-ตลาดส่งออกทับซ้อน
สินค้าไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากประเทศที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้น้อยลง และเบี่ยงเบนการส่งออกมายังตลาดเดียวกับไทย หรือเข้าสู่ไทยโดยตรง โดยเฉพาะในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ โลหะ เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ สถานการณ์นี้อาจซ้ำเติมภาคการผลิตในประเทศที่อ่อนแออยู่แล้ว
เศรษฐกิจโลกชะลอ กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอลง ซึ่งจะกระทบต่อรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง แต่ในขณะเดียวกันเงินเฟ้อในไทยจะชะลอลงจากแรงกดดันด้านอุปทาน
ธปท. เตรียมรับมือทุกด้าน เร่งติดตามข้อมูลเร็ว-กลไกตลาดยังปกติ
ธนาคารแห่งประเทศไทยเน้นย้ำว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเน้นข้อมูลเร็วใน 4 ด้าน ได้แก่ ธุรกรรมการค้า การผลิตและจ้างงาน ภาวะการเงิน และแนวโน้มการลงทุน พร้อมยืนยันจะดูแลการทำงานของกลไกตลาดให้ดำเนินต่อไปอย่างปกติ รวมถึงการลดความผันผวนของตลาดการเงิน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง
เร่งเจรจาสหรัฐฯ ป้องกัน transshipment – ย้ำไทยต้องเร่งปรับโครงสร้าง
ในระยะสั้น ธปท. เสนอให้เร่งเจรจากับสหรัฐฯ และวางมาตรการป้องกันการนำเข้าสินค้ามาเพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ (transshipment) เช่น กำหนดมาตรฐานสินค้า ตรวจสอบแหล่งกำเนิด และเร่งไต่สวนการทุ่มตลาด พร้อมทั้งปกป้องผู้บริโภคภายในประเทศ
สำหรับระยะยาว ไทยควรเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เสริมความแข็งแกร่งของ supply chain ในภูมิภาค และพัฒนาภาคการผลิตที่มีศักยภาพ เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป อาหาร และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงยกระดับทักษะแรงงาน การวิจัยนวัตกรรม และการปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการแข่งขันในเวทีโลก

ข้อมูล : https://www.bot.or.th/th/news-and-media/news/news-20250417.html