ทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี 90 วัน พร้อมเตรียมเพิ่มภาษีสินค้าจีนถึง 145% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลง

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าจะเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยระบุว่า หากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจ ภาษีสินค้าจีนที่สูงในปัจจุบันอาจกลับมาบังคับใช้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทรัมป์ยืนยันว่า เขาไม่รังเกียจที่จะเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีนเป็น 145% หากการเจรจาล้มเหลว และย้ำว่า การเจรจาทางการค้าจะต้องเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยเขาพร้อมเจรจาในทุกเงื่อนไขที่สามารถทำให้สหรัฐฯ ได้ผลประโยชน์สูงสุดจากการค้ากับจีน

โดนัลด์ ทรัมป์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาพร้อมที่จะเจรจาในประเด็นต่างๆ ของภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าจากจีน โดยเฉพาะหากจีนสามารถยอมรับการเจรจาในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเฟนทานิล ที่มีผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ ทรัมป์เน้นย้ำว่า ทุกประเทศมีความแตกต่างกันในการทำการค้า และแต่ละประเทศย่อมมีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบที่แตกต่างกันไป

อีกทั้ง ทรัมป์ยังกล่าวถึงการเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีนเป็น 145% ซึ่งประกอบด้วยการขึ้นภาษีจากเดิม 25% สำหรับสินค้าจากจีนทั้งหมดเป็น 125% และเพิ่มภาษี 20% สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเฟนทานิล ซึ่งจีนได้เรียกเก็บภาษีจากสินค้าสหรัฐฯ ที่สูงถึง 84% แล้ว แม้ว่าการเลื่อนการขึ้นภาษี 90 วันจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่การเจรจาและการปรับอัตราภาษีจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญในอนาคต

ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้แถลงท่าทีว่า ประเทศจีนยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ แต่การเจรจาดังกล่าวจะต้องมีพื้นฐานที่เท่าเทียมกันและเคารพซึ่งกันและกัน โดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า การกดดันและข่มขู่ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในการจัดการกับจีน และจีนจะยังคงยึดมั่นในการปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนเอง

ทรัมป์ยังกล่าวเสริมว่า การเจรจาครั้งนี้อาจจะทำให้เกิดข้อตกลงที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการจัดการกับความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังพูดถึงการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน โดยย้ำว่าเขาเคารพประธานาธิบดีสีและเชื่อว่าทั้งสองประเทศจะสามารถหาข้อตกลงที่ยุติธรรมและมีผลประโยชน์ร่วมกันได้ในที่สุด

การเจรจาดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการพยายามลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศของจีน ยังได้เตือนพลเมืองจีนให้ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนการเดินทางไปสหรัฐฯ โดยระบุว่า การกระทำของสหรัฐฯ ที่ใช้แรงกดดันสูงสุดในการเจรจาทางการค้า ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอ่อนแอลง และย้ำว่า จีนจะใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองต่อไป

ข้อมูล : ch3plus