ผู้นำ 7 ชาติ BIMSTEC ร่วมหารือในไทย หนุนความร่วมมือเศรษฐกิจ

ไทยเป็นเจ้าภาพประชุม BIMSTEC ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ผู้นำ 7 ชาติหารือแบบตัวต่อตัว กระชับความร่วมมือเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม ขณะไทยจับมือเมียนมาร่วมปราบอาชญากรรมข้ามชาติ-แก้ปัญหาไฟป่าและพัฒนาเกษตรกรรมสมัยใหม่

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 08.00 น. ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้นำ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือ BIMSTEC (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) ครั้งที่ 6 โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ผู้นำทั้ง 7 ประเทศพบปะหารือกันแบบตัวต่อตัว (in-person summit) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียนฝั่งตะวันตก

ผู้นำทั้ง 7 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลบังกลาเทศ, นายดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน, นายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย, พลเอกอาวุโส มิน ออง ไลง์ นายกรัฐมนตรีเมียนมา, นายเค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล, ดร. หริณี อมรสุริยะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะเจ้าภาพ

ไทย-เมียนมาหารือทวิภาคี กระชับความร่วมมือทุกมิติ

ก่อนการประชุมใหญ่ ผู้นำไทยได้พบหารือทวิภาคีกับ พลเอกอาวุโส มิน ออง ไลง์ แห่งเมียนมา เพื่อหารือแนวทางการร่วมมือในหลายประเด็นสำคัญ โดยไทยได้แสดงความขอบคุณและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือประชาชนเมียนมาในยามยาก ซึ่งจัดส่งถึงเมียนมาแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568

ผู้นำทั้งสองประเทศตกลงขยายความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ ทั้งจากธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า และภัยจากมนุษย์ เช่น อาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด การลักลอบเข้าเมือง และการหลอกลวงทางไซเบอร์ผ่านแก๊ง Call Center และขบวนการ Online Scam ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ไทยสามารถลดปริมาณการโทรและข้อความหลอกลวงได้อย่างมีนัยสำคัญ จากมาตรการปราบปรามของหน่วยงานความมั่นคงตามนโยบายที่ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ได้มอบหมายโดยตรง

“ยุทธศาสตร์ฟ้าใส” ร่วมจัดการปัญหาหมอกควัน-ไฟป่าในอนุภูมิภาค

หนึ่งในความร่วมมือที่ได้รับการเน้นย้ำคือการเดินหน้าตาม “ยุทธศาสตร์ฟ้าใส” (Clear Sky Strategy) ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่าง ไทย เมียนมา และ สปป.ลาว เพื่อยกระดับการจัดการปัญหา ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองข้ามพรมแดน โดยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวน จุดความร้อน (Hotspots) และปริมาณฝุ่นในหลายพื้นที่ลดลงอย่างชัดเจน

ทั้งสามประเทศยังเห็นพ้องในการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัย การควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตร และการเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานท้องถิ่นให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

รับมือฤดูฝนร่วมกัน ด้วยการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

ในประเด็นการบริหารจัดการน้ำ ไทยและเมียนมาร่วมกันเร่งขุดลอกและรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำและแม่น้ำที่เชื่อมโยงกัน เพื่อป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง โดยเน้นการประสานงานเชิงรุกระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ชายแดน เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการรับมือเชิงระบบ

เกษตรกรรมสมัยใหม่-ปศุสัตว์ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

ไทยและเมียนมายังมีแผนขยายความร่วมมือด้าน การเกษตรและปศุสัตว์ โดยมุ่งถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูก ข้าวโพดแบบลดการเผา ซึ่งนอกจากจะลดหมอกควันแล้วยังช่วยฟื้นฟูหน้าดิน

ขณะเดียวกัน ไทยยังส่งเสริมการเลี้ยง ไก่ โค และสุกร แบบยั่งยืนในพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารทั้งในประเทศและภูมิภาค

BIMSTEC กับบทบาทของไทยภายใต้นโยบาย “มองตะวันตก”

BIMSTEC ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วิชาการ และสังคมระหว่าง 7 ประเทศรอบอ่าวเบงกอล ประกอบด้วย บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา ไทย เมียนมา เนปาล และภูฏาน

ไทยในฐานะประเทศริเริ่มและเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ ได้แสดงบทบาทนำภายใต้นโยบาย “มองตะวันตก” (Look West Policy) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างสมดุลทางยุทธศาสตร์ และเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่มีประชากรรวมกันกว่า 1.5 พันล้านคน โดยเน้นความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจ ดิจิทัล โลจิสติกส์ พลังงาน และการท่องเที่ยว

การประชุมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูกลไกความร่วมมือในระดับผู้นำ และเป็นสัญญาณของความตั้งใจร่วมกันในการเผชิญความท้าทายร่วมของภูมิภาคอย่างมีเอกภาพ

ข้อมูล / ภาพ : thaipost