สกายไอซีทีปรับโครงสร้างรายได้ ลดพึ่งพาสัมปทานการบิน

แผนปรับโครงสร้างรายได้ สู่ความสมดุลมากขึ้น

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังดำเนินกลยุทธ์ปรับโครงสร้างรายได้ให้มีความสมดุลมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจบริการด้านการบิน (Aviation Service) ที่ดำเนินงานภายใต้สัมปทานกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทในปัจจุบัน

เขายอมรับว่าการดำเนินธุรกิจภายใต้สัมปทานมีความเสี่ยงทางการเมืองสูง แต่ในอีกแง่หนึ่ง สัมปทานที่มีอายุยาวนานกว่า 10 ปี ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความมั่นคงทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพารายได้จากสัมปทานเพียงอย่างเดียวไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน บริษัทจึงพยายามขยายไปยังกลุ่มลูกค้าเอกชนและธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างสมดุลให้กับพอร์ตรายได้

รายได้จากสัมปทานการบินยังเป็นสัดส่วนหลัก

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 สกายกรุ๊ป มีรายได้จากการทำสัญญาใหม่และงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญา (Backlog) รวม 23,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

รายได้จากธุรกิจ Aviation Service สัดส่วน 70% คิดเป็น 16,133 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจ จำหน่ายและวางระบบไอซีที (ICT-SI) สัดส่วน 15% คิดเป็น 3,428 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจ บริการและสนับสนุนผ่านไอทีโซลูชั่นส์ (Service & Support) สัดส่วน 15% คิดเป็น 3,439 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ ICT-SI เป็น 30-35% และธุรกิจ Service & Support เป็น 18-20% ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จาก Aviation Service ลดลงเหลือ 50%

ไม่เข้าร่วมขยายเวลาจ่ายสัมปทาน เหตุฟื้นตัวเต็มที่

สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการภายใต้สัมปทานของ ทอท. บางรายยังคงเผชิญปัญหาทางธุรกิจจากผลกระทบของการระบาดของ โควิด-19 และขอยืดระยะเวลาการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับ ทอท. ออกไป สกายไอซีที ไม่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าค่าดอกเบี้ยค่อนข้างสูง

บริษัทระบุว่าการดำเนินงานได้ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากค่าบริการต่อหัวผู้โดยสาร ปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ เดือนละ 4.5 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5-5.5 ล้านคนต่อเดือน

ผลประกอบการสูงสุดในรอบ 8 ปี

ในปี 2567 สกายกรุ๊ป มีรายได้ 6,718 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี และมีกำไรสุทธิ 481 ล้านบาท บริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจสำคัญ ได้แก่

โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS ให้บริการวางระบบไอซีที
เมทเธียร์ จำกัด ให้บริการระบบจัดการด้านความปลอดภัย และบริการแม่บ้านอาคารสถานที่ด้วยเทคโนโลยี
แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด เจ้าของแอปพลิเคชัน SAWASDEE
วันทูวัน โปรเฟสชันแนล จำกัด ให้บริการ คอลเซ็นเตอร์ครบวงจร โดยใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พัฒนาเอง

เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ระดับสากล

นายสิทธิเดช กล่าวว่า เป้าหมายถัดไปของ สกายกรุ๊ป คือการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อมุ่งสู่การเป็น Global Tech Company โดยเน้นตลาด Aviation Tech ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท

ขณะนี้กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทต่างชาติที่เชี่ยวชาญด้าน ซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจการบิน โดยมีเป้าหมายในตลาด สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนภายในปี 2568