นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประชุมร่วมกับสามหน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อวางแผนแม่บท (Master Plan) สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโต 3.5%
ผลการดำเนินงานเศรษฐกิจปี 2567 และความท้าทาย
ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.5% ของ GDP ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ส่งผลให้ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่สอง การเติบโตอยู่ต่ำกว่า 2% อย่างไรก็ตาม เมื่อเม็ดเงินภาครัฐเข้าสู่ระบบในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยไตรมาสที่สามและสี่เติบโต 3% และ 3.2% ตามลำดับ
แผนแม่บทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายพิชัยเน้นย้ำว่าการบรรลุเป้าหมายการเติบโต 3.5% ในปี 2568 จำเป็นต้องมีแผนแม่บทที่ชัดเจน ซึ่งจะกำหนดโครงสร้างการผลิตและการลงทุน เพื่อสร้างการจ้างงานและรายได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยจะพิจารณาจุดแข็งของประเทศไทย เช่น การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูด และบุคลากรที่มีอัธยาศัยดี
การพัฒนาภาคการเกษตรและการลงทุน
หนึ่งในความท้าทายคือภาคการเกษตรที่ยังแข่งขันได้ยากในตลาดโลก ทั้งด้านราคาและปริมาณ นายพิชัยชี้ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรหลัก เช่น ข้าว โดยมีการตั้งคณะทำงานเพื่อสำรวจข้อมูลการบริโภคและการส่งออกข้าว เพื่อกำหนดนโยบายที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาสนามบินในเมืองรอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค

ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ