บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG และ บริษัท เซท เอนเนอยี จำกัด ได้ยื่นคำฟ้องต่อ ศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นมูลค่ารวม 3,709,300,451.24 ล้านบาท โดยกล่าวหาว่า กฟภ. ใช้อำนาจละเมิดสิทธิ ส่งผลให้ บริษัท เซทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ตามแผนที่วางไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
เหตุผลในการยื่นฟ้อง กฟภ.
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG เปิดเผยว่าการยื่นฟ้องครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจาก กฟภ. ได้ทำข้อตกลงให้ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในเครือ กฟภ. ดำเนินโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดในพื้นที่ EEC โดยร่วมมือกับ SPCG และภาคเอกชนอื่น ๆ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ SPCG อย่างถูกต้อง และมีการลงทุนเพื่อจัดซื้อที่ดินและวางแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2566 กฟภ. ได้แจ้งให้ PEA ENCOM โอนสิทธิและหน้าที่ในโครงการดังกล่าวให้แก่ บริษัท เซทฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโดยเฉพาะ แต่ต่อมา กฟภ. ได้เปลี่ยนแปลงท่าที โดย ยกเลิกการให้ความยินยอมโอนสิทธิและหน้าที่ รวมถึงการยืนยันพื้นที่ติดตั้งโครงการและอัตราค่าไฟฟ้าที่จะรับซื้อ ส่งผลให้บริษัท เซทฯ ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

ผลกระทบจากการกระทำของ กฟภ.
การตัดสินใจของ กฟภ. ทำให้บริษัท เซทฯ ได้รับความเสียหาย เนื่องจากบริษัทฯ ได้ลงทุนในการจัดซื้อที่ดิน ปรับปรุงพื้นที่ และจ้างที่ปรึกษาด้านการเงิน กฎหมาย และเทคนิคเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาโครงการแล้ว นอกจากนี้ การไม่ได้รับการอนุมัติสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. ยังทำให้ บริษัท เซทฯ ไม่สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานไฟฟ้า ได้ตามกฎหมาย ส่งผลให้โครงการต้องหยุดชะงัก
SPCG และ บริษัท เซทฯ มองว่าการกระทำดังกล่าวของ กฟภ. เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบและละเมิดข้อตกลงที่เคยให้ไว้ ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการที่มีการวางแผนและลงทุนไปแล้วได้ จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
ความโปร่งใสและแนวทางการดำเนินคดี
SPCG ยืนยันว่าการดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน EEC เป็นไปอย่าง โปร่งใส และ ปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และสนับสนุนนโยบายพลังงานของประเทศ ทั้งนี้ การยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม และเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจาก กฟภ. ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยตรง

