กรณีที่ ทรูฟ้องพิรงรอง กำลังเป็นที่สนใจของสาธารณชน โดยมีประเด็นหลักเกี่ยวกับการออกอากาศฟรีทีวีผ่านแอปพลิเคชัน ทรูไอดี ที่มีโฆษณาคั่น และการตีความกฎ Must Carry ของ กสทช. ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เพื่อให้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ทรูไอดีกับโฆษณาคั่น
ในปี 2566 มี ผู้บริโภคร้องเรียน ถึงสำนักงาน กสทช. ว่าการรับชมฟรีทีวีผ่านแอปฯ ทรูไอดี มีโฆษณาคั่น ซึ่งอาจขัดต่อกฎ Must Carry ที่กำหนดให้การออกอากาศฟรีทีวีต้องไม่มีโฆษณาแอบแฝง
เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำนักงาน กสทช. จึงได้ตั้ง คณะอนุกรรมการ ขึ้นมาพิจารณา โดยมี พิรงรอง เป็นประธานคณะอนุฯ และได้ออกหนังสือเตือนไปยังสถานีทีวีดิจิตอล เพื่อแจ้งเตือนว่าการออกอากาศผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายผิดกฎ Must Carry
ทำไมหนังสือเตือนครั้งที่ 2 ต้องระบุชื่อทรูไอดี?
ในครั้งแรกที่ กสทช. ออกหนังสือเตือน ไม่ได้ระบุชื่อทรูไอดี โดยตรง ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ว่าช่องทางใดบ้างที่เข้าข่ายผิดกฎ Must Carry
ดังนั้นในการประชุม กสทช. ครั้งถัดมา จึงมี มติให้ระบุชื่อช่องทางทรูไอดี ในหนังสือเตือนครั้งที่ 2 อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนและทำให้ผู้ประกอบการรับทราบถึงความเสี่ยงในการออกอากาศผ่านแพลตฟอร์มนี้
กสทช. ทำหน้าที่ปกป้องผู้บริโภค
กสทช. มีหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค เมื่อได้รับการร้องเรียน จึงต้องทำการตรวจสอบและหาคำตอบให้ผู้บริโภคว่าเหตุใดจึงมีโฆษณาคั่นระหว่างรับชมฟรีทีวี เมื่อพบว่าสาเหตุเกิดจาก ทรูไอดี จึงออกหนังสือเตือนเพื่อให้ ทรูไอดี หยุดการกระทำนั้น
ฟรีทีวีกับกฎ Must Carry คืออะไร?
รู้หรือไม่ว่า ฟรีทีวี ทุกช่องในประเทศไทย อยู่ภายใต้กฎ Must Carry ซึ่งเป็นกฎที่กำหนดให้การออกอากาศเนื้อหารายการของฟรีทีวี ต้องไม่มีโฆษณาอื่นแอบแฝง ไม่ว่าจะออกอากาศผ่านช่องทางใดก็ตาม
ดังนั้น การที่ ทรูไอดี มีโฆษณาคั่นระหว่างการรับชมฟรีทีวี จึงถูกพิจารณาว่าอาจขัดต่อกฎนี้ ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาข้อพิพาทและการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น
ผลกระทบและอนาคตของการออกอากาศฟรีทีวีออนไลน์
กรณีนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ ทรูไอดี แต่ยังสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับ การออกอากาศฟรีทีวีออนไลน์ ทั้งหมด ทั้งในแง่ของการปฏิบัติตามกฎ Must Carry และการดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค
ไม่ว่าผลการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไร กรณีนี้จะเป็นตัวอย่างสำคัญที่ทำให้ แพลตฟอร์มออนไลน์ และ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ต้องทบทวนและปรับปรุงการให้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและความคาดหวังของผู้บริโภค
ปมสงสัยกรณี ทรูฟ้องพิรงรอง สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการตีความกฎ Must Carry และการปรับตัวของวงการ ฟรีทีวีและสตรีมมิ่งออนไลน์ ในยุคดิจิทัล ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสบการณ์การรับชมของผู้บริโภค
ติดตามความเคลื่อนไหวของกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ ทีวีดิจิตอลและสตรีมมิ่งออนไลน์ในประเทศไทย
