มูลค่าการส่งออกยางพาราไทยปี 2568 คาดหดตัว 8.8% จากศก.โลกชะลอ ผลผลิตเพิ่มกดดันราคา แนวโน้มราคาลดลง 6.7% จับตาความเสี่ยงเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่า มูลค่าการส่งออกยางพาราไทยในปี 2568 มีแนวโน้มหดตัว 8.8% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาส่งออกยางพาราเฉลี่ยจะลดลง 6.7% เนื่องจากภาวะขาดดุลในตลาดยางพาราโลกมีแนวโน้มคลี่คลาย จากความต้องการใช้ยางพาราโลกที่โตชะลอลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปริมาณผลผลิตยางพาราโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดี จากปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย และโรคระบาดในพืชที่ลดลง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหดตัวของมูลค่าการส่งออกยางพาราไทยในปี 2568
- ความต้องการยางพาราโลกชะลอตัว: เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดยางล้อรถยนต์ที่สำคัญของโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราลดลง
- ปริมาณผลผลิตยางพาราโลกเพิ่มขึ้น: ปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย และโรคระบาดในพืชที่ลดลง ทำให้ปริมาณผลผลิตยางพาราโลกฟื้นตัวดี
- ราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลง: ราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มลดลงในปี 2568 จะเป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้ราคายางพาราปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราแปรรูป
- ในปี 2566 ไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราขั้นกลางอันดับ 1 ของโลก มีส่วนแบ่งตลาดโลกอยู่ที่ 28.6%
- มูลค่าการส่งออกยางพาราอยู่ที่ 3,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นราว 1.3% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย
- ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย และสหรัฐฯ
- ผลิตภัณฑ์ส่งออกโดยส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยางล้อรถยนต์
แนวโน้มอุตสาหกรรมยางพาราแปรรูปในปี 2568
- มูลค่าการส่งออกยางพารามีแนวโน้มหดตัว 8.8% มาอยู่ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ราคาส่งออกยางพาราโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง 6.7% มาอยู่ที่ 1,608 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
- ปริมาณการส่งออกยางพารามีแนวโน้มลดลง 2.2% มาอยู่ที่ 2.8 ล้านตัน
ความเสี่ยงที่ต้องจับตา
- ภาวะเศรษฐกิจโลก
- สภาวะภูมิอากาศสุดขั้ว
- การแพร่ระบาดของโรคใบร่วงยางพาราชนิดใหม่
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจกระทบต่อราคาและปริมาณการส่งออกยางพาราในอนาคต

ข้อมูล/ภาพ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์