ผู้การกองปราบฯเผย “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ติดต่อเข้ารับทราบข้อหาตบทรัพย์บอสดิ ไอคอน ตามหมายเรียก 6 ธ.ค. ส่วนเรื่องระวังป้องกันหนีออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ทำงานกันตามปกติอยู่แล้ว ด้าน “ทนายวิฑูรย์” ระบุส่งคำให้การ “บอสพอล-บ.ดิ ไอคอนฯ” แก้ข้อกล่าวหาต่อดีเอสไอครบแล้ว ขณะตัวแทนฝ่ายดิ ไอคอน ร่วม 100 คน บุกยื่น อสส. เรียกร้อง 4 ข้อ ขอความเป็นธรรม “รมว.ดีอี” บอก ถอนใบอนุญาต“ดิ ไอคอน” ยังอยู่ในขั้นตอนทนาย “สามารถ” เผยท่าทีลูกความอ่อนลงหลังพ่อฝากข้อความเป็นห่วงและอยากให้กลับมาทานอาหาร
กรณีกลุ่มบอสดิ ไอคอน กรุ๊ป 18 คน ที่ถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ดำเนินการต่อในคดีแชร์ลูกโซ่ ความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรง ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างฝากขัง ขณะเดียวกัน กลุ่มบอสดิไอคอน โดยเฉพาะนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ซีอีโอ ดิ ไอคอน กรุ๊ป มอบหมายทนายความแจ้งจับกลุ่มรีดทรัพย์หลายราย เบื้องต้นดำเนินคดีไปแล้ว อาทิ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช สุวรรณวงศ์ ถูกจับกุมข้อหากรรโชกทรัพย์ และถูกควบคุมตัวในทัณฑสถานหญิงกลาง รวมทั้งนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐกับแม่ ซึ่งมีเส้นเงินโอนจากบอสพอล ก่อนถูกดีเอสไอจับข้อหาฟอกเงิน ขณะที่อดีตนักร้องดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีหลักฐานร่วมกับเจ๊พัช-กฤษอนงค์ พยายามเรียกเงินดิ ไอคอนฯ 20 ล้านบาทเพื่อออกรายการโหนกระแส พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มาพบในวันที่ 6 ธ.ค.ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวพันกับ บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ธ.ค.ที่กองบังคับ การปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.เผยถึงกรณีออกหมายเรียกนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ว่า นัดหมายให้มาพบในวันที่ 6 ธ.ค. แต่ถ้านายฟิล์มจะเข้ามาพบหรือให้การก่อนก็ทำได้แม้เป็นนอกเวลาราชการ นอกจากนี้ได้รับรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าทนายความนายฟิล์มมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่กองปราบปรามเป็นหลักฐานว่าไม่ได้หลบหนีมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พร้อมจะมาพบพนักงานสอบสวน แต่หลังจากตำรวจออกหมายเรียกไปยังไม่มีการติดต่อเข้ามา ส่วนหมายเรียกเจ้าหน้าที่ได้จัดส่งตามภูมิลำเนา การที่จะอ้างไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภูมิลำเนาเป็นสิทธิ์นายฟิล์ม ส่วนคดีของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย เป็นอีกคดีหนึ่ง เป็นเรื่องการหมิ่นประมาท ไม่ได้รวมเป็นสำนวนเดียวกัน ส่วนจะระมัดระวังว่าจะเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตามปกติอยู่แล้ว
ตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดเปิดเผยร่วมกันว่าประเด็นแรก ขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุดสั่งให้ดีเอสไอ สอบสวนพยานฝ่ายดิ ไอคอน 1,444 ปาก ด้วยวาจา เพราะการสอบด้วยวาจาจะมีความชัดเจนมากกว่า ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถมาที่ดีเอสไอ ที่กรุงเทพฯได้ทุกคน อยากให้อำนวยความสะดวกกับฝ่ายพยานดิ ไอคอน ได้ให้การตามที่อยู่ในแต่ละจังหวัดด้วย ข้อ 2 ธุรกิจ ดิ ไอคอน ไม่ใช่การฉ้อโกง ประชาชนเพราะตัวแทนจำหน่ายที่เป็นพยานฝ่าย ดิ ไอคอน ยังจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ อยากให้คัดกรองผู้เสียหายทั้ง 9,000 คน ว่าใครเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง ข้อที่ 3 การตรวจค้นของดีเอสไอ ที่เห็นสภาพโกดังสินค้าว่างเปล่า ความจริงแล้วมีการเรียกสินค้าของสมาชิกออกจากคลังสินค้ากว่า 5,933 ออเดอร์ ไปก่อนวันเข้าตรวจค้น มีเอกสารยืนยันว่ามีการเบิกสินค้าออกไปก่อนวันค้นจริง ข้อที่ 4 ขอให้ช่วยปลดการอายัดบัญชีของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับผลกระทบจากการถูกดีเอสไออายัดบัญชี ทั้งที่บัญชีเงินเดือนไม่เกี่ยวข้องกับดิ ไอคอน วอนสื่อเป็นกระบอกเสียงให้ด้วย วันนี้มายืนยันว่า พวกเราโอนเงินสั่งสินค้าขายสินค้าให้ผู้บริโภค ขอความเป็นธรรมให้ทั้ง 1 บริษัท และ 18 คน ให้ได้รับการประกันตัวออกมา
นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้เพื่อรอสำนวนจาก พนักงานสอบสวนและจะพิจารณาตามคำร้องขอความเป็นธรรม จากนี้ต้องรายงานให้อัยการสูงสุดทราบ ก่อนอัยการสูงสุดจะส่งให้คณะทำงานที่จะทำคดีนี้พิจารณาต่อไป ยืนยันว่าอัยการสูงสุดจะให้ความเป็น ธรรมกับทั้งสองฝ่าย
อีกด้านหนึ่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยถึง ความคืบหน้าการถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรง ของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ขยาย ระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน ได้กำชับว่ารอบนี้ต้อง ให้ได้ข้อสรุป ถ้าการตรวจสอบยังไม่จบต้องมีอะไรให้ประชาชนมั่นใจว่าดำเนินการไปถึงไหน ต้องแจ้งประชาชนยืนยันไม่เป็นมวยล้มแน่
ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ, ข่าวสด
