ตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมหญิงวัย 34 ปีชาวนครราชสีมา หลังพบพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ อ้างชักชวนลงทุนคริปโต สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ ความเสียหายรวมกว่า 5.5 ล้านบาท โดยศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ก่อนถูกจับกุมโดย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ และเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.1
ตำรวจไซเบอร์ โดย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สารวัตรช่วยราชการ กก.3 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมหญิงชาวไทย อายุ 34 ปี ที่มีพฤติกรรม หลอกลวงประชาชนให้โอนเงินลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (คริปโต) โดยอ้างผลตอบแทนสูง และใช้ เฟซบุ๊ก กับ ไลน์ เป็นช่องทางเข้าถึงเหยื่อ เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5,500,000 บาท ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.417/2567 ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ต้นตอของคดีนี้เริ่มจากผู้เสียหายได้รู้จักกับผู้ต้องหาผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ก่อนที่จะเพิ่มเป็นเพื่อนกันทางไลน์และสนทนากันต่อเนื่องจนเกิดความไว้ใจ จากนั้นคนร้ายได้ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วม ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) โดยส่งลิงก์เว็บไซต์ปลอมให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ซึ่งแสดงผลคล้ายแพลตฟอร์มเทรดคริปโตจริง
เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าระบบเพื่อเทรดเหรียญคริปโตตามที่ผู้ต้องหาแนะนำ ระบบจะมี “แอดมิน” แจ้งบัญชีปลายทางให้เติมเงินอยู่หลายครั้ง รวมยอดเงินโอนสูงถึง 5.5 ล้านบาท แต่เมื่อถึงเวลาที่ผู้เสียหายต้องการถอนเงิน กลับไม่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้งไม่สามารถติดต่อกลับแอดมินได้อีก จึงมั่นใจว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความ
เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลไปยังเครือข่ายผู้ร่วมกระทำผิดอีกหลายราย จนสามารถออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญในจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหาหนัก 3 กระทง ได้แก่
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
- ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
- ร่วมกันโดยทุจริตหรือนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลสืบสวนต่อเพื่อสาวถึงต้นตอขบวนการ พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนที่อ้างผลตอบแทนสูงผิดปกติ และไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย
ข้อมูล : bangkokbiznews