สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เตือนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่กรุงพนมเปญ หากไทยยังคงเลี่ยงนำข้อพิพาทเขตแดนเข้าสู่ศาลโลก ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศอาจลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตยืดเยื้อเช่นฉนวนกาซา พร้อมย้ำไม่มีเจตนายึดครองดินแดน แต่จำเป็นต้องปกป้องพรมแดนตามประวัติศาสตร์ในยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส ขณะที่รัฐสภากัมพูชาลงมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนยื่นเรื่องต่อศาลโลก หากเกิดเหตุปะทะอีก กัมพูชาอาจขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติเข้าแทรกแซง
เว็บไซต์ The Phnom Penh Post รายงานเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนว่า สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาและคณะกรรมการร่วมวุฒิสภาว่า การที่ไทยปฏิเสธไม่ยื่นข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ถือเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพในภูมิภาค และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นใน ฉนวนกาซา ระหว่างอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์
เขากล่าวว่ากัมพูชาเสนอให้ไทยเลือกใช้กระบวนการทูตและการพิจารณาทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยื่นเรื่องเข้าสู่การตัดสินของศาลโลกอย่างเปิดเผยและโปร่งใส หากไทยยังคงหลีกเลี่ยง จะถือเป็นสัญญาณว่าเบื้องหลังของความขัดแย้งมีสิ่งที่ไม่ได้เปิดเผยอยู่
สมเด็จฯฮุน เซน ยังกล่าวถึง บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ปี 2543 ว่าเอกสารฉบับนี้ใช้ไม่ได้ผล เพราะแม้เวลาจะผ่านมากว่า 25 ปีแล้ว ความขัดแย้งด้านพรมแดนก็ยังไม่คลี่คลาย เขาตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าเราไม่ให้ศาลตัดสิน ปัญหานี้จะกลายเป็นเหมือนกรณีฉนวนกาซา ที่การต่อสู้ไม่รู้จบ ทำไมต้องกลัวถ้าเราบริสุทธิ์ใจ”
นอกจากนี้ ผู้นำวุฒิสภากัมพูชายังเน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่มีความตั้งใจรุกรานหรือยึดครองดินแดนของผู้อื่น เพียงแต่ต้องการรักษาขอบเขตประเทศของตนเองตามที่กำหนดไว้ในยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส แม้จะสูญเสียดินแดนไปจำนวนมากแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง
ที่ประชุมรัฐสภาและคณะกรรมการร่วมวุฒิสภากัมพูชาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนแนวทางยื่นข้อพิพาทต่อศาลโลก โดย สมเด็จฯฮุน เซน ระบุว่าหากเกิดเหตุปะทะขึ้นอีก กัมพูชาจะยื่นขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าแทรกแซง เพื่อป้องกันการปะทะซ้ำรอยในอดีต
ขณะที่ สมเด็จฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในที่ประชุมเดียวกัน เรียกร้องให้นักการเมืองและประชาชนชาวกัมพูชาสนับสนุนกองทัพ และยืนหยัดร่วมกันปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดน
ข้อมูล : matichon