เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุการณ์ที่สะท้อนปัญหาการให้บริการของรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน เมื่อหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่งตัดสินใจทดสอบสังคม โดยสวมบทบาทเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมพูดภาษาอังกฤษเรียกแท็กซี่จากย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าไปยังย่าน สยาม แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิงชื่อดัง แต่กลับถูกเสนอราคาค่าโดยสารแบบเหมาสูงถึง 700 บาท ทั้งที่แท้จริงสามารถเปิดมิเตอร์และคิดตามระยะทางได้ในราคาที่ต่ำกว่านั้นหลายเท่าตัว

หญิงสาวผู้โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่าเธอตั้งใจทดลองระบบจริง โดยแสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เพื่อดูพฤติกรรมของคนขับแท็กซี่ ผลปรากฏว่า แท็กซี่หลายคันปฏิเสธการเปิดมิเตอร์ พร้อมเสนอราคาค่าโดยสารแบบเหมา เริ่มตั้งแต่ 200 บาท บางคันเสนอ 300 บาท และคันสุดท้ายเรียกสูงสุดถึง 700 บาท ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีหลักเกณฑ์มาตรฐานและเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสารอย่างชัดเจน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ ที่ได้รวมตัวชุมนุมกันบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เร่งจัดการปัญหาและสร้างความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพรถยนต์รับจ้างสาธารณะ
การกระทำของแท็กซี่ที่ปรากฏในคลิปครั้งนี้ กลับกลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ชาวเน็ตจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกรมการขนส่งทางบก และตำรวจจราจร มีมาตรการลงโทษและควบคุมพฤติกรรมไม่เหมาะสมของผู้ขับขี่ให้จริงจังมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน คลิปดังกล่าวยังสะท้อนปัญหาเรื้อรังของระบบขนส่งสาธารณะในไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจถูกเอาเปรียบในลักษณะเดียวกัน หากไม่มีการปฏิรูปหรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ข้อมูล : dailynews