มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย ร้านค้าปลีกจากมาเลเซีย ประกาศความสำเร็จเปิดครบ 1,000 สาขาทั่วไทย ภายในเวลาเพียง 9 ปี พร้อมเดินหน้าขยายเพิ่มอีก 500 สาขา ภายในปี 2570 ด้วยกลยุทธ์ลงทุนปีละ 2,000 ล้านบาท เน้นโมเดลร้านแบบ Stand Alone และปรับภาพลักษณ์ผ่านร้านต้นแบบ MR. D.I.Y 2.0 เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ตอบรับเทรนด์การบริโภคที่เน้น “ความคุ้มค่า ความสะดวก และการเข้าถึงง่าย” มุ่งมั่นเป็นร้านค้าปลีกที่ตอบโจทย์ทุกวันเพื่อทุกคน
นับตั้งแต่เปิดสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2559 มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยภายในเวลาเพียง 9 ปี ได้ขยายสาขาครบทั้ง 77 จังหวัด รวมกว่า 1,000 แห่ง ทั้งในห้างสรรพสินค้าและรูปแบบร้าน Stand Alone ซึ่งในระยะต่อไปตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 500 สาขาภายใน 3 ปี ใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท โดยเน้นเปิดในทำเลอำเภอที่ยังไม่มีร้านรองรับ และเสริมด้วยบริการออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าผ่านช่องทางดิจิทัล
กลยุทธ์สำคัญของ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย ไม่ได้หยุดเพียงการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังเร่งปรับโฉมร้านค้าภายใต้โมเดล MR. D.I.Y 2.0 ที่ได้รับการพัฒนาจากสำนักงานใหญ่ในประเทศมาเลเซีย แล้วนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ปัจจุบันได้ทดลองใช้แล้วที่ ซีคอนศรีนครินทร์ และ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยเน้นปรับดีไซน์ร้านให้มีเชลฟ์สูงขึ้น ทางเดินกว้างขวางขึ้น พร้อมพื้นที่จัดกิจกรรม และจะทยอยขยายในห้างกลุ่ม A ที่มีกำลังซื้อสูง
ในด้านสินค้า มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย มีสินค้ามากกว่า 15,000 รายการ ครอบคลุม 6 หมวดหมู่หลัก ทั้งฮาร์ดแวร์ ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์ตกแต่ง สินค้าไลฟ์สไตล์ และอื่น ๆ โดยมีแผนจะเพิ่มสินค้าทั้งจาก แบรนด์นำเข้า และ สินค้าโลคอลจากแบรนด์ไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าครอบครัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักของแบรนด์
นายแอนดี้ ซิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของแบรนด์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่เกิดจากการสนับสนุนของลูกค้าและแรงสนับสนุนจากพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วประเทศ พร้อมยืนยันพันธกิจของแบรนด์ที่ต้องการเป็นร้านค้าปลีกเพื่อทุกคน โดยเน้นความคุ้มค่า การเข้าถึงง่าย และความสะดวกสบาย
หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย คือ “สินค้า” ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ โดยเฉพาะราคาที่จับต้องได้ ลูกค้าหลายรายแม้ตั้งใจซื้อเพียงหนึ่งอย่างแต่ด้วยราคาที่รู้สึกว่าคุ้ม ทำให้ซื้อเพิ่มโดยเฉลี่ย 3-4 ชิ้นต่อบิล หรือราว 172-175 บาทต่อใบเสร็จ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” มากกว่าความหรูหรา
อีกหนึ่งจุดแข็งคือ “ความสะดวก” จากการขยายสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเมืองและชนบท อีกทั้งยังมีแผนขยายลึกลงในระดับอำเภอที่ยังไม่มีสาขาให้บริการ พร้อมเสริมด้วยช่องทางออนไลน์ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านมือถือได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าห้าง
มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย จึงไม่ใช่เพียงร้านค้าปลีกอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของการช้อป” ที่ให้ทั้งความคุ้มค่า ความสะดวก และความไว้วางใจในคุณภาพสินค้า ด้วยเครือข่ายสาขาที่แน่นหนาและกลยุทธ์การตลาดที่ปรับตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแม่นยำ
ข้อมูล : brandage