บุกรวบอดีต ผกก. เจ้าของหอพักย่านรังสิต ลูกสาวโดนหมายจับคดี “กรรโชกทรัพย์”

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต นำโดย พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว พร้อมภรรยาและลูกสาว ที่หอพักย่านรังสิตตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษากว่า 20 รายร้องเรียนว่าถูกทำร้าย ยึดเอกสาร และทรัพย์สินโดยไม่ยินยอม เหตุการณ์ยืดเยื้อมานานหลายปี ตำรวจยืนยันดำเนินการตามพยานหลักฐานและกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี นำโดย พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี, พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผู้กำกับการ สภ.ปากคลองรังสิต และ พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ในข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์”

ผู้ถูกจับกุมคือ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อายุ 64 ปี อดีตผู้กำกับการ สภ.ลาดหลุมแก้ว พร้อมด้วย นางพัชรียา พูลสวัสดิ์ ภรรยา อายุ 56 ปี และ นางสาวพูลชนก พูลสวัสดิ์ ลูกสาว อายุ 28 ปี ซึ่งทั้งสามอาศัยอยู่ในหอพักเลขที่ 51/442 หมู่ 7 ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ที่เกิดเหตุ

การจับกุมมีขึ้นภายหลังจากที่มีนักศึกษาผู้เช่าพักกว่า 20 ราย ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกายและถูกยึดเอกสารทางราชการรวมถึงทรัพย์สินต่างๆ โดยเจ้าของหอพักไม่ยอมส่งคืน เหตุการณ์ดังกล่าวมีการร้องเรียนต่อ สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต่อเนื่องมาหลายปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งในปี 2568 เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความรวม 10 คดี โดยมีการดำเนินคดีไปแล้ว 2 คดี และได้ออกหมายจับในอีก 2 คดี ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่เข้าจับกุมในวันนี้ ส่วนอีก 6 คดี อยู่ระหว่างรอการให้ปากคำเพิ่มเติมจากผู้เสียหาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ซึ่งเจ้าของหอพักทั้งหมดให้การปฏิเสธ

สำหรับขั้นตอนการเข้าจับกุมนั้น เจ้าหน้าที่ได้ยื่นขอหมายจับใน 3 ข้อหา แต่ศาลอนุมัติเพียงข้อหาเดียวคือ “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” โดยในระหว่างการจับกุมมีการโต้เถียงกันบ้างตามธรรมดา โดยเฉพาะในกรณีของผู้ต้องหารายหนึ่งที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอ และศาลได้อนุมัติหมายจับ จึงต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย

ด้านการประกันตัว ผู้ต้องหาจะต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลตามขั้นตอน เนื่องจากการจับกุมครั้งนี้เป็นไปเพื่อส่งตัวให้ศาลพิจารณาโดยเร็วที่สุด ตำรวจย้ำว่าจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและยึดหลักนิติธรรม

ข้อมูล / ภาพ : thairath