วันที่ 28 เมษายน 2568 นางสาวรักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน และโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาคารสำนักงานใหม่ของ กสทช. ที่ใช้งบประมาณกว่า 2,600 ล้านบาท ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีค่าออกแบบและควบคุมงานเพิ่มเติมอีก 100 ล้านบาท โครงการนี้เริ่มวางแผนตั้งแต่ปี 2556 และตามกำหนดการเดิมควรแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2565 แต่กลับล่าช้า โดยอ้างผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และจนถึงปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้ง กสทช. ยังยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมาเดิม อ้างเหตุผลหลายประการ รวมถึงการแก้ไขแบบก่อสร้างที่อาจทำให้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นอีก

คณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณได้ขอเอกสารแบบแปลนและ BOQ เพื่อพิสูจน์รายละเอียดภายในอาคาร ว่าจะหรูหราเกินจำเป็นหรือไม่ เทียบเคียงกับกรณีอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยมีข้อครหามาก่อนหน้านี้
นอกจากปัญหาการก่อสร้างล่าช้า ไอซ์ รักชนก ยังเปิดเผยอีกว่า กระบวนการบริหารงบประมาณของ กสทช. มีความเป็นอิสระสูงมาก โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสำนักงบประมาณ หรือสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจาก กสทช. มีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ประกอบการด้านกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียงไม่เกิน 2% ของรายได้ รวมเป็นเงินหลายพันล้านบาทต่อปี กระบวนการขอใช้งบประมาณดำเนินโดยสำนักงาน กสทช. เสนอแผนงบประมาณให้คณะกรรมการภายในกลั่นกรองเอง แต่เมื่อสอบถามข้อมูล พบว่ากระบวนการนี้ไม่มีความโปร่งใสเท่าที่ควร สำนักงบประมาณยืนยันว่าไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพิจารณาอย่างที่ กสทช. อ้าง และการอนุมัติคำของบประมาณในแต่ละปีมีระยะเวลาให้พิจารณาเพียง 3 วันเท่านั้น
ในเรื่องกำลังพล กสทช. ยังสามารถเพิ่มอัตรากำลังได้เองโดยไม่ต้องขออนุมัติจากสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) หรือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งต่างจากหน่วยงานราชการทั่วไป ส่งผลให้มีการใช้งบประมาณบานปลาย เช่น มีการแจกเข็มทองแท้ 100% ให้ข้าราชการที่เกษียณอายุ
กสทช. ยังมีการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ซึ่งมีเงินสะสมหลายหมื่นล้านบาท อย่างไม่โปร่งใส เช่น กรณีการนำเงิน 600 ล้านบาทไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก แต่สุดท้ายประชาชนไม่ได้รับชมฟรี และเป็นคดีฟ้องร้องถึงปัจจุบัน
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา กสทช. ยังไม่มีการแต่งตั้งเลขาธิการตัวจริง รวมถึงประธาน กสทช. คนปัจจุบันก็ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณสมบัติ อีกทั้งภายในองค์กรยังมีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่มีแนวโน้มสนับสนุนนายทุนโทรคมนาคม กับฝ่ายที่ต่อต้านการครอบงำจากกลุ่มทุน ทำให้การดำเนินงานหลายอย่างไม่คืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดการปัญหา SMS หลอกลวง, การควบคุมเสาเน็ตเถื่อนตามชายแดน และการแก้ไขปัญหาเบอร์โทรศัพท์ม้า ที่เอื้อประโยชน์ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ไอซ์ รักชนก เน้นย้ำว่า กสทช. ซึ่งมีกฎหมายให้อำนาจทำงานอย่างอิสระ เพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองและกลุ่มทุน กลับกลายเป็นองค์กรที่ถูกกลุ่มทุนครอบงำอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตที่แพงขึ้น ในขณะที่คุณภาพบริการกลับลดลงอย่างชัดเจน

ข้อมูล : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว