พิชัยเผยส่งออกเดือนมีนาคม 2568 ทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2568 ว่ามีมูลค่าสูงถึง 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ของการค้าระหว่างประเทศของไทย ขยายตัว 17.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 นับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบัน นำโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของการส่งออกในช่วง 9 เดือนนี้อยู่ที่ 12.9% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ

การเติบโตของภาคส่งออกในเดือนมีนาคมไม่จำกัดอยู่เพียงตลาดสหรัฐอเมริกา หากแต่ยังขยายตัวในตลาดสำคัญอื่น ๆ อาทิ จีน และสหภาพยุโรป ซึ่งนายพิชัยระบุว่าแม้ในอนาคตอาจเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าการส่งออกจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับบวกได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ไทยยังคงมีโอกาสขยายตลาดและรักษาเสถียรภาพในห่วงโซ่อุปทาน

ในวันพรุ่งนี้ (25 เมษายน 2568) นายพิชัยมีกำหนดการเข้าหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) เพื่อประเมินโอกาสของไทยท่ามกลางบริบทใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งไทยอาจได้เปรียบจากการเข้าไปทดแทนสินค้าบางกลุ่มที่ถูกกีดกันหรือสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ นายพิชัยยังเน้นย้ำถึงการ “ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส” และให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลไม่ให้เกิดการสวมสิทธินอมินีในระบบการค้าระหว่างประเทศ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หากตัดสินค้ากลุ่มที่มีความผันผวนสูง ได้แก่ น้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออก การส่งออกในเดือนมีนาคมยังขยายตัวได้ที่ระดับ 15.0% โดยการนำเข้าอยู่ที่ 28,575.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 10.2% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 973.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงสมดุลทางการค้าในเชิงบวก

ข้อมูลในไตรมาสแรกของปี 2568 พบว่าการส่งออกของไทยมีมูลค่ารวม 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 80,451.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.4% คิดเป็นดุลการค้าเกินดุล 1,081.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณที่ต้องจับตา โดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่หดตัว 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 0.5% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาหดตัวในรอบ 9 เดือนที่ 5.7% สินค้าที่ขยายตัวได้แก่ ยางพารา ไก่สดและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่สินค้าที่หดตัวชัดเจนคือ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารทะเลกระป๋อง

ในทางตรงข้าม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าขยายตัว 23.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 สินค้าหลักที่ขยายตัว ได้แก่ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในและส่วนประกอบ

สำหรับแนวโน้มการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2568 ยังคงมีความท้าทายสูง โดยเฉพาะจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่อาจถูกบังคับใช้กับประเทศคู่ค้าในหลายกลุ่ม พร้อมกับความเป็นไปได้ของการตอบโต้ทางภาษีจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งอาจกระทบต่อภาพรวมการค้าและการลงทุนทั่วโลก อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้ การส่งออกจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงเป้าหมายการส่งออกตลอดทั้งปีไว้ที่ระดับ 2-3%

กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมยุทธศาสตร์เชิงรุกในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษี พร้อมทั้งผลักดันสินค้าไทยที่มีศักยภาพให้เข้ามาแทนที่ในตลาดที่มีความเสี่ยง และขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมมาตรการรองรับกับสภาวะการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยยังคงยึดหลักการกระจายความเสี่ยงในตลาด และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

ข้อมูล : prachachat