“มายด์” อดีตคนสนิทของแฟนหนุ่มนักแสดง ออกมาเปิดใจครั้งแรกผ่านรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 เปิดเผยความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักร้องดัง “โตโน่” โดยระบุว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ทักมาก่อนและเป็นคนชวนไปร่วมงานด้วยตนเอง พร้อมยอมรับว่าเห็นความสัมพันธ์ของโตโน่กับ “ณิชา” ชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ยังคงเลือกเดินหน้าต่อ ยันรู้สึกผิดกับฝ่ายหญิงมาตลอด พร้อมย้ำเหตุผลที่มาร่วมรายการวันนี้เพราะมีบางเรื่องที่ “ไม่เป็นความจริง”
หลังจากตกเป็นกระแสในโลกโซเชียล มายด์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย โดยกล่าวว่าตนอยู่กินกับแฟนหนุ่มชื่อ เพชร มาระยะหนึ่ง แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันและดูแลทุกอย่างในบ้านมาตลอด ยืนยันว่าให้โอกาสและทุ่มเทเต็มที่แล้ว แต่ความรู้สึกของตัวเองกลับ “ไม่ไหว” อีกต่อไป พร้อมเผยว่าแม้จะไม่ได้ประกาศตัวว่า “โสด” อย่างชัดเจน แต่คนรอบข้างทราบดีว่าตนได้เลิกรากับเพชรไปแล้ว แม้ในสายตาฝ่ายชายยังไม่ถือว่าจบความสัมพันธ์ก็ตาม

ประเด็นร้อนเริ่มต้นจากการที่ โตโน่ นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ได้ชักชวนมายด์ไปทำงานร่วมกันโดยตรง ไม่ได้ผ่านผู้จัดการหรือบุคคลกลางแต่อย่างใด มายด์เล่าว่าเธอรู้สึกว่าไม่สามารถเงียบต่อไปได้อีกต่อไป เพราะหลายเรื่องที่ถูกพูดถึงในสื่อไม่ตรงกับความจริง
มายด์เล่าย้อนว่าในช่วงเดือนมกราคม 2568 โตโน่ได้ทักมาทางข้อความเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ และสอบถามว่าเธอ “ว่างหรือยัง” ซึ่งในช่วงเวลานั้นเธอก็พอดีว่างงานพอดี จึงตอบรับคำชวนไปทำงาน โดยรับตำแหน่ง เลขานุการประธานสโมสร และผู้ช่วยผู้จัดการ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลทั่วไป ซื้อของ ขับรถให้ และช่วยในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน
จุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์คือเมื่อไปถึงหน้างาน โตโน่ได้เอ่ยปากกับมายด์ว่า “ชอบ” ซึ่งเธอยอมรับว่าไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับคำพูดในลักษณะชู้สาวจากอีกฝ่าย ในตอนนั้นยังไม่ได้ถามต่อว่าชอบในเชิงไหน เพราะอีกฝ่ายพูดแค่ครั้งเดียว แต่ภายหลังก็เริ่มพูดบ่อยขึ้น และถึงขั้นบอกว่าคิดถึงเมื่อไม่ได้เจอหน้ากัน
มายด์ย้ำชัดว่า รู้ตั้งแต่แรกว่า โตโน่มีแฟนอยู่แล้ว และรู้ว่าแฟนของเขาคือ ณิชา ณัฏฐณิชา นักแสดงสาวชื่อดัง โดยเธอเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ชัดเจน แต่ก็ยังเลือกที่จะเข้าไปมีบทบาทในชีวิตของโตโน่ พร้อมระบุว่า “รู้สึกผิดกับณิชามาตลอด”
สำหรับเหตุผลที่มายด์ตัดสินใจออกมาเปิดหน้าในวันนี้ เธอเผยว่าเพราะไม่สามารถปล่อยให้หลายเรื่องถูกบิดเบือนได้อีกต่อไป และอยากพูดในมุมของตัวเอง โดยไม่ต้องให้คนอื่นมาตีความแทน พร้อมทิ้งท้ายว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่เพียงแค่ด้านเดียวอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ
ดูรายการฉบับตัวเต็ม