หยวนอ่อนค่าหนักสุดในประวัติศาสตร์ หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 104% สู้สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ

ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าผิดปกติในระดับที่หนักที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังธนาคารกลางจีน (PBOC) ตัดสินใจยอมให้หยวนอ่อนค่าเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน สาเหตุจากการตอบโต้การขู่ว่าจะขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจทำให้อัตราภาษีนำเข้าจากจีนพุ่งสูงถึง 104% โดยมีการคาดการณ์ว่าเงินบาทจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากความเคลื่อนไหวของเงินบาทมีความสัมพันธ์กับหยวนราว 71% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับอัตราอ้างอิงของหยวนลงมาอยู่ที่ 7.2066 หยวนต่อดอลลาร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่เงินหยวนอ่อนค่าลง หลังจากที่ในตลาดการเงินโลก ค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดเงินหยวนในปี 2010 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ว่าจีนอาจยอมให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจจีนอย่างรุนแรง

ในขณะที่ความตึงเครียดจากสงครามการค้าเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์จีน ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า จีนจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และจะใช้มาตรการต่างๆ ที่มีเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการให้กู้ยืมเพิ่มเติม

สำหรับ เงินบาท ที่เปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนที่ 34.82 บาทต่อดอลลาร์ ถูกกดดันจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าและการปรับเพิ่มภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับหยวนจีน โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่สัมพันธ์กับเงินหยวนราว 71% นอกจากนี้ยังต้องจับตาผลกระทบจากการลดลงของราคาทองคำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าต่อไปได้

ในขณะที่ พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินจากธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ค่าเงินบาทจะถูกกดดันจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และราคาทองคำที่ปรับตัวลง แต่ยังคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวของเงินบาทอาจจะค่อยๆ อ่อนค่าลงได้อีก จนกว่าผลกระทบจากสงครามการค้าจะเริ่มคลี่คลาย

ข้อมูล : thestandard