คำว่า “กีกี้“ ไม่ได้เป็นเพียงเสียงร้องที่ไร้ความหมาย แต่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีรีส์แนว โทคุซัตสึ (Tokusatsu) ซึ่งเป็นภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่น ก็อตซิลลา, ขบวนการเซ็นไต, มาสก์ไรเดอร์ หรือ ไอ้มดแดง
ต้นกำเนิดจากโลกโทคุซัตสึ
“กีกี้” มีจุดกำเนิดที่ชัดเจนจากซีรีส์ Kamen Rider (ไอ้มดแดง) ซึ่งเริ่มออกอากาศในปี 1971 ผลงานของ โชทาโระ อิชิโนะโมริ เสียงร้อง “กี้กี้” มักถูกใช้โดยเหล่าสมุนชุดดำขององค์กรชั่วร้ายอย่าง Shocker ก่อนที่จะเข้าต่อสู้กับเหล่าฮีโร่ เสียงนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของ “ลูกสมุน” หรือ “ตัวกีกี้” ที่มักจะถูกส่งมาเป็นแนวหน้าและพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
เพจ ญี่ปุ่นปุ่นปุ่น อธิบายว่า “ตัวกีกี้” ที่คนไทยคุ้นเคยจากซีรีส์ไอ้มดแดงนั้น จริงๆ แล้วมีชื่อเรียกว่า “ช็อกเกอร์เซ็นโทอิง” (ショッカー戦闘員 – นักรบช็อกเกอร์, พลทหารช็อกเกอร์) ซึ่งมีความแข็งแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ถูกไอ้มดแดงจัดการได้อย่างง่ายดาย ถึงกระนั้น เพจดังกล่าวยังให้ข้อคิดเชิงบวกว่า “เป็นลูกผู้ชาย ต่อให้รู้ว่าแพ้ แต่บางครั้งมันก็ต้องสู้ !”
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงเสียงหรือลักษณะคล้ายคลึงกับตัวละครสมุนในภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Matango (มนุษย์เห็ดมรณะ) ปี 1963 ด้วย
บทบาท “ลูกกระจ๊อก” ที่ขาดไม่ได้
แม้ว่า “กีกี้” และเหล่าลูกกระจ๊อกจะดูไร้ความสามารถ แต่ในแง่ของการเล่าเรื่อง พวกเขามีบทบาทสำคัญในการปูทางให้ตัวร้ายหลักหรือเหล่าฮีโร่ได้โดดเด่น การปรากฏตัวของพวกเขามักเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น และช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับเนื้อเรื่อง Japan Media Studio ระบุว่า ในซีรีส์โทคุซัตสึ ลูกกระจ๊อกมักถูกออกแบบให้มีลักษณะตลกขบขัน เช่น ร้อง “กี้กี้” พร้อมท่าทางประหลาด ก่อนจะหายไปพร้อมควันดำหลังถูกโจมตี ซึ่งสร้างความรู้สึกทั้งน่าเอ็นดูและน่าสมเพชในหมู่แฟนๆ
“กีกี้” ในวัฒนธรรมสมัยใหม่
ในยุคปัจจุบัน เสียง “กีกี้” และภาพลักษณ์ของลูกกระจ๊อกยังคงถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดีย และกลายเป็นมุกตลกที่ยังเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนๆ รุ่นใหม่ บางคนยังเปรียบเทียบ “กีกี้” กับชีวิตจริง โดยมองว่าเป็นตัวแทนของคนตัวเล็กๆ ที่พยายามทำหน้าที่ของตนเอง แม้จะดูไร้ค่าในสายตาผู้อื่น แต่ก็มีความสำคัญในแบบของตัวเอง
“กีกี้” ในบริบทการเมืองไทย
ล่าสุด คำว่า “กีกี้” ได้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในประเทศไทย เมื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคประชาชน กล่าวพาดพิงถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ลุกขึ้นปกป้อง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 โดยเปรียบ ส.ส.เหล่านั้นว่าเป็นเพียง “ตัวกีกี้” หรือกลุ่มบุคคลที่ถูกจ้างมาเพื่อประท้วงขัดขวางการอภิปรายของฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังกล่าวพาดพิงถึง นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 9 พรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นตอบโต้ก่อนหน้านี้ด้วย
คำอภิปรายดังกล่าวสร้างความไม่พอใจในหมู่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนที่ไม่พอใจที่ถูกเรียกว่า “กีกี้” นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงกับสอบถามว่านายวิโรจน์ต้องการสื่ออะไร เนื่องจากไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ และหากเป็นคำที่ไม่มีความหมายก็ไม่ควรใช้ในสภา
ก่อนหน้าการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิโรจน์ยังได้โพสต์ถึง “พวกกี้” ที่ดาหน้าออกมา และเปรียบเทียบการต่อสู้กับคนกลุ่มนี้เป็นการเสียเวลา โดยควรรอจัดการกับ “ตัวบอส” ทีเดียว
จากเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่าคำว่า “กีกี้” ที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมป๊อป ได้ถูกนำมาใช้ในบริบททางการเมืองเพื่อสื่อถึงกลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็นเพียง “สมุน” หรือผู้ที่ไม่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ แต่มีหน้าที่เพียงสนับสนุนหรือขัดขวางตามคำสั่ง ซึ่งสร้างความไม่พอใจและความเข้าใจผิดในวงกว้าง
