การแก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อความคืบหน้าโครงการ
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มีความคืบหน้าใกล้เสร็จสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทาง กพอ. ได้ประชุมร่วมกับธนาคาร เพื่อสร้างความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการ พร้อมปรับเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานเพื่อให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับกระบวนการทางกฎหมาย ร่างสัญญาแก้ไขจะถูกนำเสนอให้คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) พิจารณาภายในเดือนมีนาคม 2568 และส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบในเดือนเมษายน 2568 จากนั้นจะถูกนำกลับมาเข้าบอร์ด กพอ. ในเดือนพฤษภาคม ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายน 2568
แผนสำรองหากเอกชนไม่ดำเนินโครงการต่อ
อย่างไรก็ตาม ดร.จุฬาระบุว่า หากภาคเอกชนไม่สามารถปฏิบัติตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ รัฐบาลมีแผนสำรอง โดยอาจต้องเข้ามาลงทุนก่อสร้างโครงการเองในกรณีที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case) แต่ยืนยันว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน โดยมีการกำหนดความเร็วของขบวนรถไว้ที่ 160 กม./ชม. ซึ่งเพียงพอสำหรับระยะทางประมาณ 200 กม. ระหว่างสนามบินทั้งสามแห่ง
ที่ผ่านมา การดำเนินงานติดขัดจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ แต่ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว หากเอกชนมีความพร้อม โครงการสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที
อู่ตะเภาเตรียมเดินหน้าก่อสร้าง พร้อมลุ้นสถานะเมืองปลอดภาษี
ด้านโครงการพัฒนา สนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานก่อสร้างและบริหารสนามบิน ได้ยืนยันกับ กพอ. ว่าจะเริ่มดำเนินโครงการโดยไม่รอการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงให้แล้วเสร็จ
UTA ยังได้สอบถามเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี โดยเฉพาะสถานะของ เมืองปลอดภาษี (Free Trade Zone) ซึ่งมีความสำคัญต่อการดึงดูดนักลงทุนรายอื่นเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ เบื้องต้น กพอ. มีอำนาจให้สิทธิพิเศษบางส่วนได้ แต่ยังต้องรอการพิจารณาจากกระทรวงการคลังเพื่อออกกฎหมายรองรับเพิ่มเติม คาดว่าการดำเนินการจะเป็นไปในช่วงเวลาเดียวกันกับโครงการรถไฟความเร็วสูง
ข้อมูล : prachachat