ดัชนีค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1997
ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 1997 ตามข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งระบุว่าดัชนี NEER เดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ 128.30 ถือเป็นระดับแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบสามทศวรรษ เทียบได้กับช่วงเดือนมิถุนายน 1997 ซึ่งอยู่ที่ 135.4 ก่อนที่ไทยจะประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1997 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงจากระดับ 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปแตะจุดต่ำสุดที่ 55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และไม่เคยกลับไปอยู่ในช่วง 24-26 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอีกเลย

ทำไมเงินบาทไทยแข็งค่า?
1. เสถียรภาพของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร อธิบายว่า ปกติแล้วเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น สกุลเงินเอเชียมักอ่อนค่าลงตาม อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาท (USD/THB) กลับรักษาเสถียรภาพได้ดี แม้ว่าดัชนีดอลลาร์ (DXY) จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 109 ในเดือนมกราคม 2568 หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย
2. การท่องเที่ยวฟื้นตัว ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ
ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ถือเป็น High Season ของการท่องเที่ยวไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น นำไปสู่ดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับมาเป็นบวกหลังจากขาดดุลมาเป็นเวลานานในช่วงโควิด-19
3. ความสัมพันธ์กับราคาทองคำ
ค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำในระดับสูง โดยเมื่อราคาทองคำเพิ่มขึ้น เงินบาทก็มักจะแข็งค่าตาม เนื่องจากประเทศไทยมีธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพในช่วงที่ดอลลาร์แข็งค่า
4. กระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างไม่ทราบที่มา
มีแรงซื้อเงินบาทที่มาจากดุลการชำระเงิน (Balance of Payment) แต่ยังไม่มีคำอธิบายแน่ชัดว่ากระแสเงินทุนไหลเข้ามาจากแหล่งใด ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น
ดัชนีเงินบาทแข็งมาก น่ากังวลหรือไม่?
ดร.พิพัฒน์ ระบุว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอาจไม่น่ากังวลมากนักในแง่ของเสถียรภาพทางการเงิน เพราะหมายความว่ามีการไหลเข้าของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสำคัญคือ ความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมลดลง
ปัจจุบันไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของสินค้าในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของการจ้างงานและการส่งออก การแข็งค่าของเงินบาททำให้สินค้าไทยมีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งทำให้ไทยเสียเปรียบทางด้านการค้าระหว่างประเทศ
ตัวอย่างของปัญหานี้คืออุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยิ่งซ้ำเติมต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศ ทำให้การแข่งขันยากขึ้น
ไทยกำลังเผชิญกับ ‘Dutch Disease’ หรือไม่?
ดร.พิพัฒน์ ชี้ให้เห็นว่า ไทยอาจกำลังเผชิญกับภาวะ ‘Dutch Disease’ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ช่วงปี 1960 เมื่อเนเธอร์แลนด์ค้นพบแหล่งพลังงานและมีรายได้จากต่างประเทศสูงขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น จนส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ
สถานการณ์ปัจจุบันของไทยคล้ายกัน เพราะการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้ดี ทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นผลดีต่อผู้ที่นำเข้าสินค้าและนักท่องเที่ยวไทยที่ไปต่างประเทศ แต่ก็เป็น ปัจจัยลบต่อผู้ส่งออกและภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
ภาพรวมและแนวโน้ม
แม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะสะท้อนถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่ก็ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม หากเงินบาทยังแข็งค่าต่อไป อาจทำให้ไทยต้องเผชิญกับปัญหาในระยะยาว เช่น การลดลงของภาคการผลิตและการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย
ข้อมูล : thestandard