ทรัมป์พบซีอีโอยักษ์ใหญ่หลังราคาหุ้นร่วงลงจากสงครามการค้า

ตามรายงานของซีเอ็นบีซี, โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะกับผู้นำธุรกิจจากบริษัทชั้นนำหลังจากที่ตลาดหุ้นและมูลค่าบริษัทลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจของเขา โดยเฉพาะเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าและสงครามการค้ากับประเทศต่างๆ สร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและทำให้มูลค่าตลาดของดัชนี S&P 500 หายไปเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์

การประชุมกับผู้นำธุรกิจ

ในวันที่ 10 มีนาคม, ทรัมป์ ได้กล่าวกับผู้นำธุรกิจในการประชุม Business Roundtable ซึ่งมี ซีอีโอ กว่า 200 คนเป็นสมาชิก รวมทั้ง ทิม คุก ซีอีโอของ แอปเปิล, เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของ เจพีมอร์แกน เชส และ ดักลาส แมคมิลลอน ซีอีโอของ วอลมาร์ท ต่างก็เป็นคณะกรรมการของ BRT (Business Roundtable) โดย ทรัมป์ ยืนยันว่า นโยบายการเก็บภาษีนำเข้าที่เขาได้ประกาศใช้แล้วนั้นมีผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเชื่อว่าการเพิ่มภาษีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจและเสริมสร้างความมั่นคงในตลาดภายในประเทศ

สงครามการค้าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

สงครามการค้าของ ทรัมป์ เป็นประเด็นที่สร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่าง จีน, แคนาดา, และ เม็กซิโก มาตรการภาษีการนำเข้าที่ทรัมป์ประกาศใช้ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทหลายแห่งตกลงอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและการเกษตร ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นในหลายๆ สินค้า

ความไม่แน่นอนในตลาดและการตอบโต้ของธุรกิจ

ตามข้อมูลจากการประชุม เจพีมอร์แกน, โรเบิร์ต ไอซอม ซีอีโอของ อเมริกัน แอร์ไลน์ กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามการค้ากลายเป็นปัญหาสำคัญในกลุ่มธุรกิจ รวมทั้ง คาร์สเทน โนเบล ซีอีโอจากบริษัท เฮงเค็ล ของเยอรมนีที่ระบุว่าเห็นถึงความลังเลในกลุ่มผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนและการขยายกิจการในระยะสั้น

การตอบสนองของทรัมป์ต่อการขึ้นภาษีของแคนาดา

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม, ทรัมป์ ได้ตอบโต้การขึ้นภาษีของ แคนาดา โดยการประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจาก แคนาดา เช่น อะลูมิเนียม และ เหล็กกล้า เป็นสองเท่า โดยมาตรการดังกล่าวเป็นการตอบโต้การยั่วยุที่เกิดจากการขึ้นภาษีการส่งออกไฟฟ้าของแคนาดา ซึ่งได้สร้างการตอบสนองที่รุนแรงจากรัฐบาลแคนาดาและส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ

ภาษีตอบโต้จากจีนและผลกระทบในอนาคต

นอกจากนี้, จีน ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อสินค้าเกษตรหลายชนิดจากสหรัฐเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้การขึ้นภาษีของ ทรัมป์ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงอนาคตของสงครามการค้าระหว่างสองประเทศใหญ่ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อตกลงที่ยุติธรรมได้

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการเทขายหุ้นในตลาด

ในขณะที่ราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรง, ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ว่าการเทขายหุ้นในตลาดจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ โดยระบุว่าไม่ต้องการคาดเดาในเรื่องนี้ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐยังคงเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าความผันผวนในตลาดหุ้นในช่วงเวลานี้จะมีความสำคัญอย่างไรก็ตาม

ความผันผวนในตลาดและการวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์

แม้ว่า ทำเนียบขาว จะพยายามลดความสำคัญของความผันผวนในตลาดหุ้นในช่วงนี้, แต่การเทขายหุ้นอย่างรุนแรงในตลาดก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านตั้งคำถามถึงผลกระทบระยะยาวจากนโยบายเศรษฐกิจของ ทรัมป์ และสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ข้อมูล/ภาพ : bangkokbiznews

ข้อมูล / ภาพ : bangkokbiznews