เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ช่องยูทูบ WATCHDOG CHANNEL ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอหัวข้อ “มองมุมอภิสิทธิ์ กสทช. กับทรู” ซึ่งนำเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีฟ้องร้องของ ทรูไอดี ต่อกรรมการ กสทช. โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ 1. กสทช. ไม่มีอำนาจในการกำกับดูแล OTT, 2. การเผยแพร่เอกสารเท็จ, และ 3. เจตนาในการตลบหลัง-ล้มยักษ์ พร้อมสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และการวิเคราะห์อนาคตของการกำกับดูแลกิจการผูกขาดในไทยจากมุมมองเศรษฐศาสตร์ของ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์
กรณีฟ้องร้องของทรูไอดีต่อกรรมการ กสทช.
กรณีที่ ทรูไอดี ฟ้อง กรรมการ กสทช. เกิดขึ้นหลังจากที่ กสทช. พยายามเข้ามากำกับดูแลการดำเนินงานของบริการ OTT ซึ่งเป็นการให้บริการเนื้อหาผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดย ทรูไอดี มีข้อกล่าวหาว่า กสทช. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการกำกับดูแลบริการ OTT เหล่านี้ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ต่างเห็นว่าเป็นการตีความที่ขัดแย้งกับหลักกฎหมายในปัจจุบัน
มองมุมอภิสิทธิ์ บทบาท กสทช. และ True ID
บทบาทและหน้าที่ของ กสทช.
- กสทช. มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม
- หน้าที่หลักของ กสทช. คือ คุ้มครองผู้บริโภค และดูแลการแข่งขันให้เป็นธรรม เนื่องจากกิจการเหล่านี้มักมีลักษณะผูกขาด
- มีการตั้งข้อสังเกตว่าองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลในปัจจุบันมีอำนาจจริงหรือไม่ และสามารถต่อสู้กับผู้ที่ถูกกำกับได้หรือไม่
- เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีลักษณะผูกขาดมากขึ้น ผู้ที่ถูกกำกับจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
กรณี True ID และข้อร้องเรียนของผู้บริโภค
- True ID คือธุรกิจ OTT ที่เผยแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต
- ปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ True ID รวบรวมช่องฟรีทีวีต่างๆ แล้วแทรกโฆษณาเพิ่ม ซึ่งไม่ได้เป็นเนื้อหาของช่องนั้นๆ ทำให้ผู้บริโภคร้องเรียน
- กสทช. ยังไม่มีระเบียบหรืออำนาจในการกำกับดูแลธุรกิจ OTT โดยตรง
- ประเด็นสำคัญคือ การรักษา Must Carry ซึ่งเป็นกฎที่กำหนดให้ผู้เผยแพร่ต้องนำเสนอเนื้อหาของช่องต่างๆ โดยไม่มีการดัดแปลง
ความแตกต่างระหว่าง Netflix และ True ID
- Netflix มีเนื้อหาที่เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเองหรือซื้อลิขสิทธิ์
- True ID มีทั้งเนื้อหาของตัวเองและเนื้อหาที่รวบรวมจากช่องฟรีทีวี
- ปัญหาของ True ID คือการนำเนื้อหาจากช่องฟรีทีวีไปออกอากาศแล้วแทรกโฆษณาเพิ่ม
มุมมองที่แตกต่างต่ออำนาจของ กสทช.
- มุมมองหนึ่ง: กสทช. ไม่มีอำนาจในการกำกับดูแล OTT
- อีกมุมมองหนึ่ง: กสทช. มีหน้าที่ดูแลผู้บริโภคและรักษาความเป็นธรรมให้กับสถานีโทรทัศน์
- การกระทำของ True ID ขัดต่อกฎ Must Carry เนื่องจากไม่ใช่โครงข่ายที่ได้รับอนุญาต และมีการดัดแปลงเนื้อหา
กรณี Watch Dog Channel
- Watch Dog Channel นำรายการของคนอื่นมาใส่ใน Web Channel แล้วใส่โฆษณา
- YouTube มีระบบตรวจจับลิขสิทธิ์ แต่กรณี True ID มีความซับซ้อนกว่า
ข้อโต้แย้งของ True ID
- True ID อ้างว่าการขออนุญาต OTT ไม่มีใบอนุญาต แต่มีใบอนุญาต IPTV
- True ID มองว่า IPTV มีโครงข่ายของตัวเอง แต่แพลตฟอร์ม OTT อื่นๆ ที่ต้องการนำเนื้อหาฟรีทีวีไปออกอากาศก็มาขอใบอนุญาต IPTV เพื่อให้มีสิทธิ์
ผลกระทบต่อผู้บริโภคและสถานีโทรทัศน์
- การที่ True ID แทรกโฆษณาเพิ่มทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันและกระทบต่อผู้บริโภค
- กสทช. จึงต้องตรวจสอบว่าเนื้อหาสาระของฟรีทีวีถูกรวมเอาไปออกอากาศโดยโครงข่ายที่ได้รับอนุญาตหรือไม่
การดำเนินการของ กสทช. และการฟ้องร้อง
- กสทช. (โดยอนุกรรมการ) แจ้งไปยัง Digital TV หรือฟรีทีวีว่ามีผู้นำเนื้อหาไปใช้และใส่โฆษณาเพิ่ม
- Digital TV อยู่ภายใต้การกำกับของ กสทช. และต้องปฏิบัติตามกฎที่กำหนด
- กสทช. ต้องให้ความเป็นธรรมในการแข่งขันกับ Digital TV
- การที่ กสทช. ใช้อำนาจกำกับดูแลฟรีทีวีเพื่อให้จัดการกับปัญหา True ID เป็นการ “ตลบหลัง”
ข้อสงสัยเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์
- ช่องฟรีทีวีหลายช่องไม่ทราบว่า OTT เป็นโครงข่ายที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และไม่เคยทำสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์
- สถานีโทรทัศน์อาจไม่กล้าฟ้องร้อง True ID เพราะกลัวผลกระทบต่อรายได้โฆษณา
- ศาลเข้าใจว่า True ID ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์หรือได้รับการยินยอม
- True ID มีทางเลือก 2 ทาง คือ เป็นโครงข่ายที่ได้รับอนุญาตและใช้เนื้อหาโดยไม่ดัดแปลง หรือทำข้อตกลงกับแต่ละช่อง
ความผิดปกติในการลงนามในหนังสือ
- หนังสือที่ส่งไปยังฟรีทีวีไม่ได้ลงนามโดยประธานอนุกรรมการ (พิรงค์ รอง) แต่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
- อนุกรรมการมีหน้าที่ศึกษาและรายงานต่อคณะกรรมการ ไม่สามารถมีอำนาจโดยตรงกับคนภายนอก
- สำนักงาน กสทช. จะพิจารณาว่าเรื่องใดต้องเสนอต่อคณะกรรมการใหญ่ หรือเรื่องใดอยู่ในอำนาจของสำนักงาน
ข้อโต้แย้งของ True ID และการฟ้องเจ้าหน้าที่
- True ID โต้แย้งว่าหนังสือที่ออกไปไม่ตรงกับมติของที่ประชุมอนุกรรมการ และไม่มีอำนาจกำกับดูแล True ID
- True ID จึงฟ้องเจ้าหน้าที่ที่ลงนามในหนังสือ
- เจ้าหน้าที่อ้างว่าทำตามคำสั่งของพิรงค์ รอง แต่มีผู้ให้การปฏิเสธว่าไม่มีการสั่งการ
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานในภาครัฐ
- ข้าราชการที่ทำตามคำสั่งนักการเมืองโดยมิชอบ มักถูกลงโทษ
- กรณีนี้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ผู้ไม่ได้ลงนามกลับกลายเป็นผู้ผิด
ประเด็นเรื่องเอกสารเท็จ
- มีการแก้ไขรายงานการประชุมเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
- แม้ในมติจะไม่ได้เอ่ยชื่อ True ID แต่เป็นที่เข้าใจว่าหนังสือที่ออกไปเกี่ยวข้องกับ True ID
- มีการสอบถามจากสถานีโทรทัศน์ว่าหนังสือที่ไม่มีชื่อ True ID หมายถึงอะไร
- จึงมีการแก้ไขหนังสือฉบับที่ 2 โดยระบุชื่อ True ID
การรับรองรายงานการประชุม
- ที่ประชุมมีสิทธิ์แก้ไขเพิ่มเติมรายงานการประชุม
- รายงานการประชุมครั้งที่ 2 มีการแก้ไขเพิ่มเติม และรับรองในการประชุมครั้งที่ 3
- ศาลอาจมองว่าการแก้ไขรายงานการประชุมภายหลังเป็นความผิด
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ True ID
- True ID อ้างว่าได้รับความเสียหายเพราะทำให้ฟรีทีวีเข้าใจว่า True ID ทำผิดกฎหมาย
- มีเพียง True for you และ TNN (ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกัน) ที่ลังเลที่จะให้ True ID ใช้ Content
- จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการประกอบการของ True ID
คำว่า “ล้มยักษ์” และเจตนา
- ศาลมองว่าคำว่า “ล้มยักษ์” ส่อเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง True ID
- คำพูดนี้เกิดขึ้นหลังจากการพิจารณาวาระ True ID และวาระอื่นๆ อีก 6-7 วาระ
- คำว่า “ล้มยักษ์” อาจหมายถึงการต่อสู้กับผู้ที่มีความใหญ่
ผลกระทบต่อหน่วยงานกำกับดูแล
- การลงโทษพิรงค์ รอง อาจทำให้หน่วยงานกำกับดูแลไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทใหญ่
- หลายคนมองว่าพิรงค์ รอง ไม่ได้รับประโยชน์ส่วนตัวจากการทำหน้าที่
แรงจูงใจในการฟ้องร้อง
- มีผู้มองว่า True ID ฟ้องร้องเพราะไม่พอใจที่พิรงค์ รองเคยโหวตไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการกับ DTAC
- การที่พิรงค์ รองมีความเห็นไม่ตรงกับ True ID เสมอ อาจบ่งบอกถึงอคติ
การฟ้องปิดปาก
- การฟ้องร้องลักษณะนี้อาจเป็นการฟ้องปิดปาก เพื่อให้คนอื่นกลัวและไม่กล้าทำตาม
- ควรรอกระบวนการให้สิ้นสุดก่อนสรุปว่าเป็นการฟ้องปิดปากจริงหรือไม่
- ต้องระวังการออกกฎหมายคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผู้ถูกกำกับเสียเปรียบ
กระบวนการทำงานของ กสทช.
- อนุกรรมการไม่มีอำนาจโดยตรง ต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการใหญ่
- เจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำหนังสือเอง โดยที่ กสทช. ยังไม่ได้มีท่าทีใดๆ
- True ID อ้างว่าได้รับความเสียหายจากการถูกเอ่ยชื่อในหนังสือ
ความเสียหายและการพิสูจน์
- ความเสียหายที่ปรากฏคือ TNN และ True for you ลังเลที่จะให้ใช้ Content แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหา
- True ID อ้างว่าเสียชื่อเสียง เพราะทำให้คนเข้าใจว่าทำผิดกฎหมาย
- ศาลไม่ได้มองว่าช่อง 3 อสมท. ไปให้การเป็นพยานว่า True ID นำ Content ไปลงโฆษณา
- ศาลยอมรับว่า True ID ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์หรือทำสัญญากับทุกช่อง
สิทธิของผู้บริโภค
- ผู้บริโภคอาจไม่ได้รับการปกป้อง หากศาลตัดสินเช่นนี้
- ผู้บริโภคที่เสียเงินดู True ID แล้วยังโดนโฆษณาเพิ่ม สามารถร้องเรียนต่อศาลคดีผู้บริโภคได้
- ศาลคดีผู้บริโภคจะให้ผู้ประกอบการพิสูจน์ว่าไม่ได้เอาเปรียบผู้บริโภค
- จากคำพิพากษาศาลเอง มีประเด็นว่า True ID สามารถทำในสิ่งที่ทำอยู่ได้หรือไม่
- สถานีโทรทัศน์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้
ความเห็นของนักกฎหมายเกี่ยวกับการลงโทษ
- นักกฎหมายหลายคนเห็นว่าการลงโทษพิรงค์ รอง โดยไม่รอลงอาญาดูจะไม่เป็นธรรม
- การรอลงอาญาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและความเมตตาของศาล
- ศาลไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ไม่รอลงอาญา
สัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี (ชมคลิปด้านล่าง)