ญี่ปุ่นปรับลดGDP ไตรมาส Q4/67 เหลือ 2.2% จาก 2.8% หลังใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัว

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับลดประมาณการ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/2567 ลงเหลือ 2.2% เมื่อเทียบรายปี จากการประมาณการเบื้องต้นที่ 2.8% ซึ่งเกิดจากการปรับลดประมาณการ การใช้จ่ายของผู้บริโภคและสต็อกสินค้าคงคลังของภาคเอกชน แม้การขยายตัวของ GDP ยังคงเป็นบวกในไตรมาสที่สามติดต่อกัน แต่ก็สะท้อนถึงความอ่อนแอในบางส่วนของเศรษฐกิจภายในประเทศ

การปรับลดประมาณการ GDP เนื่องจากการอุปโภคบริโภคอ่อนแอ
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP จาก 2.8% เป็น 2.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับลดประมาณการการใช้จ่ายของผู้บริโภคในภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของ GDP ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคถูกปรับลดลงจาก 0.13% เป็น 0.03% เนื่องจากอุปสงค์ในหมวดอาหารและยานยนต์ที่อ่อนแอลงจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น

สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของ GDP โดยเฉพาะการลดลงของสต็อกปิโตรเลียม ซึ่งทำให้ผลกระทบจากการลดสต็อกสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจขยายตัวเป็น 0.3% จากการประมาณการเบื้องต้นที่ 0.2% ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาคการผลิต

การส่งออกและการลงทุนด้านทุนยังคงขยายตัว
ถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดการขยายตัวของ GDP ในบางส่วน แต่การส่งออกและการลงทุนด้านทุนกลับมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกขยายตัว 1% ในไตรมาส 4 ลดลงจากประมาณการเบื้องต้นที่ 1.1% ส่วนการลงทุนด้านทุนปรับตัวขึ้น 0.6% เพิ่มขึ้นจากการประมาณการที่ 0.5% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง

การคาดการณ์ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
การปรับทบทวนตัวเลข GDP ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเงินเดือนของพนักงานจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการเจรจาประจำปีระหว่างพนักงานและฝ่ายบริหารในปีนี้ ซึ่ง คณะกรรมการ BOJ ยืนยันว่า จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเคลื่อนไหวตามแนวทางที่คาดการณ์ไว้

ข้อมูล/ภาพ : infoquest