ครป. เตือนนายกฯ เสี่ยงผิด ม.157 หากปล่อย ปธ.กสทช.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

วันที่ 8 มีนาคม 2568 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายเมธา มาสขาว ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ได้กล่าวสรุปประเด็นการอภิปรายในเวที “ทุนผูกขาดกับการแทรกแซงองค์กรภาครัฐ : ชำแหละ กสทช. และข้อเสนอจากภาคประชาชน” โดยได้เผยถึงการแทรกแซงของทุนและปัญหาการใช้อำนาจภาครัฐที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ กสทช. และความไม่โปร่งใสในการดำเนินการภายในองค์กร สถานการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะในอนาคต

การพิจารณาคดีกรรมการ กสทช. และข้อสงสัยในกระบวนการยุติธรรม

ประเด็นแรกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในเวทีอภิปรายคือคดีของ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ซึ่งคดีนี้ได้เกิดขึ้นจากการใช้คำสั่งแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่โดยคณะอนุกรรมการ ซึ่งไม่สามารถใช้อำนาจในการออกหนังสือได้ โดยศาลชั้นต้นไม่ได้พิจารณาหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่นการใช้สิทธิในการออกคำสั่งจากคณะอนุกรรมการที่ไม่มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดศาลถึงตัดสินว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการ แม้พยานทั้งสองฝั่งจะยืนยันว่าไม่เคยสั่งการ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่คดีนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองและการแทรกแซงจากกลุ่มทุนหรือ “State Capture”

ทุนผูกขาดและการแทรกแซงขององค์กรภาครัฐ

ประเด็นที่สองคือการแทรกแซงของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของ กสทช. เช่น การควบรวมกิจการของกลุ่มทุนโทรคมนาคมใหญ่ ซึ่งถูกมองว่ามีการแทรกแซงจากกลุ่มทุนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะทาง โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณและการพิจารณาการควบรวมกิจการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือการใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อสนับสนุนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งการกระทำนี้สามารถถูกมองว่าเป็นการยึดรัฐหรือ “State Capture”

การฟ้องปิดปากประชาชนและผลกระทบจากการฟ้องคดี

นอกจากนั้นยังมีการฟ้องคดีกรรมการ กสทช. ในลักษณะของการฟ้องปิดปากประชาชน (SLAPP Law) ซึ่งเป็นการฟ้องเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลทางกฎหมาย โดยมุ่งหวังให้กรรมการบางคนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เสียงการพิจารณาของ กสทช. เท่ากับสามเสียงและให้ประธานออกเสียงชี้ขาดตามระเบียบ ซึ่งอาจส่งผลให้การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของ กสทช. เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน

ปัญหาคุณสมบัติของประธาน กสทช.

ประเด็นสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามคือเรื่องของคุณสมบัติของ ประธาน กสทช. ซึ่งมีการวิจารณ์จากหลายฝ่ายเกี่ยวกับความขัดแย้งในคุณสมบัติของประธาน กสทช. นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าเขาขาดคุณสมบัติตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ โดยมีข้อกล่าวหาว่าเขายังคงดำรงตำแหน่งอยู่ทั้งที่ขัดกับกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกยื่นไปยัง นายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการ

ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นายเมธา มาสขาว ยังได้กล่าวถึงความรับผิดชอบของ นายกรัฐมนตรี ในการตรวจสอบการดำเนินงานของ กสทช. โดยเฉพาะในประเด็นของการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. ซึ่งตามกฎหมายแล้ว นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ปล่อยให้ประธาน กสทช. ดำรงตำแหน่งอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตามหน้าที่ อาจถูกมองว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และมีความผิดตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา

ผลกระทบต่อการคุ้มครองผู้บริโภค

การแทรกแซงจากกลุ่มทุนและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการคุ้มครองผู้บริโภค และทำให้ กสทช. ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามที่ระบุไว้ในมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งทำให้ประชาชนเสียประโยชน์จากการตัดสินใจที่ไม่เป็นธรรมและขัดต่อกฎหมาย

ข้อมูล/ภาพ : thaipbs