เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา, นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) รับดำเนินการสอบสวนการฟอกเงินในคดีฮั้วเลือก สว. โดยมองว่า การตั้งคดีฟอกเงินโดยไม่ตั้งต้นจากคดีมูลฐานอย่างชัดเจนอาจทำให้กระบวนการสอบสวนไม่คืบหน้า ขณะเดียวกันยังตั้งคำถามถึงความสามารถของรัฐบาลในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมและการบริหารจัดการภายในองค์กร.
ปัญหาจากการตั้งคดีฟอกเงิน
นายรังสิมันต์กล่าวถึงการตั้งคดีฟอกเงินจากกรณีฮั้วเลือก สว. โดยชี้ว่าการฟอกเงินจำเป็นต้องมีคดีมูลฐานที่ชัดเจนก่อน และหากใช้คดีฟอกเงินเป็นการเริ่มต้นโดยไม่มีคดีมูลฐานที่แน่ชัด เช่น คดีอั้งยี่ซ่องโจร การสอบสวนอาจไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายรังสิมันต์จึงเห็นว่า การสอบสวนควรตั้งต้นจากคดีอั้งยี่ซ่องโจรเพื่อให้การฟอกเงินมีความเชื่อมโยงและสามารถขยายผลได้.
การแทรกแซงและปัญหาภาวะผู้นำของรัฐบาล
นายรังสิมันต์ยังชี้ว่า การแทรกแซงจากบุคคลภายนอกส่งผลกระทบต่อกระบวนการสอบสวน โดยเฉพาะในกรณีการทำงานของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ไม่สามารถดำเนินการคดีได้เต็มที่ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนและความขัดแย้งภายในรัฐบาลที่มีผลต่อความเป็นเอกภาพในการทำงาน. นายรังสิมันต์ตั้งคำถามถึงศักยภาพของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายและการจัดการอาชญากรรม ซึ่งการบริหารที่อ่อนแอในปัจจุบันทำให้ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาการฮั้วเลือก สว. ได้.
การตั้งข้อหาแค่ฟอกเงินไม่เพียงพอ
แม้ว่าจะมีการตั้งข้อหาฟอกเงินกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีฮั้วเลือก สว. แต่ นายรังสิมันต์ มองว่า การตั้งข้อหาฟอกเงินเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถทำให้เก้าอี้ของ สว. สั่นสะเทือนได้เต็มที่ เพราะสุดท้ายต้องกลับไปหาคดีมูลฐานเพื่อทำให้คดีมีความชัดเจนและสามารถดำเนินการเอาผิดได้อย่างครบถ้วน. ซึ่งในปัจจุบันมีความสงสัยในเรื่องการดำเนินการของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อและไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม.
การไม่สามารถควบคุมตำรวจภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี
เมื่อมีการตั้งคำถามถึงการไม่สามารถควบคุมตำรวจที่อยู่ภายใต้การกำกับของ นายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์กล่าวว่า แม้ตำรวจจะอยู่ภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรี แต่ยังมีปัญหาในการสั่งการและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ. โดยเฉพาะในกรณีการประชุมที่ตำรวจหลายคนขอลาไม่เข้าร่วม ซึ่งสะท้อนถึงความไม่เคารพในอำนาจของนายกรัฐมนตรีและการขาดภาวะผู้นำในองค์กร.
การเมืองและการแทรกแซงทางการเมือง
นายรังสิมันต์ยังเชื่อว่า ความขัดแย้งทางการเมืองภายในและภายนอกรัฐบาลทำให้คดีนี้ยืดเยื้อและไม่สามารถคลี่คลายได้. การมีผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมทำให้กระบวนการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. ถูกตีความในหลายมุมมองและทำให้ประชาชนเริ่มสงสัยถึงความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล.

ข้อมูล/ภาพ : bangkokbiznews