สหรัฐฯ-จีน เปิดสงครามการค้าระดับโลก กระทบเศรษฐกิจไทย ผ่านภาษีและการค้า

สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน กำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมทุกชนิด จีนตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษีถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติเหลว 15%, น้ำมันดิบ, อุปกรณ์การเกษตร และรถยนต์บางรุ่น 10% ส่งผลให้การค้าระหว่างสองประเทศนี้มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2569 อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่มีผลกระทบทางอ้อมที่ต้องติดตามต่อไป

ผลกระทบจากภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม

หลังจากที่ สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% อุตสาหกรรมในหลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในหลายภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง, ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับประเทศไทยนั้น การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของไทยมากนัก เนื่องจากประเทศไทยผลิตและใช้วัตถุดิบเหล่านี้ส่วนใหญ่ภายในประเทศ แต่สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียม เช่น ก่อสร้างและยานยนต์ สามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตได้จากการปรับตัว

ผลกระทบจากการขึ้นภาษีของจีน

จีน ได้ตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษี 10% สำหรับน้ำมันดิบ, รถยนต์บางรุ่น, อุปกรณ์การเกษตร และ 15% สำหรับถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกต้องปรับตัวตาม โดยเฉพาะประเทศที่มีการค้าขายกับจีนจำนวนมาก อย่างเช่น เม็กซิโก และ แคนาดา ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงกดดันในภาคการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะภาคการผลิตรถยนต์ พลังงาน และสินค้าเกษตร

แนวทางการรับมือและการเจรจาทางการค้า

ประเทศไทย แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าครั้งนี้ แต่การทำงานเชิงรุกในการเจรจาทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยการหาตลาดใหม่และการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการผ่อนคลายมาตรการการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

การขยายสงครามการค้าอาจลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

หากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ, จีน, และ ยุโรป ขยายตัวมากขึ้น และมีการเพิ่มภาษีในระดับ 10% หรือสูงกว่าระหว่างประเทศเหล่านี้ อาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลง 0.4-0.6% ในปี 2568-2569 ซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย โดยการปรับเพิ่มภาษีอาจทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลงและค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ประเทศไทย อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าผ่านหลายช่องทาง ได้แก่ การส่งออกที่สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในบางประเทศ รวมถึงผลกระทบจากการลงทุน การผลิต และการจ้างงาน อีกทั้งยังอาจได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว และระดับราคาสินค้าและเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้น

ผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตของจีน

แม้ว่า จีน จะพยายามหาตลาดใหม่ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในละตินอเมริกาและเอเชีย เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ แต่ว่า ไทย และ อาเซียน ยังคงเผชิญกับการทุ่มตลาดของสินค้าจีน ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและการแข่งขันในตลาดภายในประเทศไทย

มุมมองจากประวัติศาสตร์

หากสงครามการค้าระหว่างประเทศเหล่านี้ขยายวงกว้างไปถึงการลดการค้าระหว่างประเทศกว่า 50% อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งทำให้ต้องระมัดระวังสถานการณ์นี้เป็นพิเศษ โดยการเจรจาทางการค้าและการฟ้องร้องผ่าน องค์การการค้าโลก (WTO) อาจเป็นทางออกในการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ข้อมูล / ภาพ : ไทยรัฐ