เงิน 10,000 เฟส 3 เปิดลงทะเบียนที่ธนาคารรัฐ ใครได้เงินสดบ้าง?

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 16-59 ปี จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านธนาคารของรัฐในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน

ธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ

ประชาชนสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านธนาคารของรัฐที่ร่วมโครงการ ได้แก่

  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
  • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

การลงทะเบียนจะเปิดให้บริการที่สาขาของธนาคารเหล่านี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน

โครงการนี้มุ่งเน้นกลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 16-59 ปี ที่มีคุณสมบัติดังนี้

  • สัญชาติไทย
  • มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  • รายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี (สำหรับปีภาษี 2566)
  • เงินฝากรวมไม่เกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
  • ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุก
  • ไม่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการอื่นๆ ของรัฐ

สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลจะจัดเตรียมระบบการลงทะเบียนผ่านธนาคารของรัฐ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสิทธิ์ได้อย่างทั่วถึง

การใช้จ่ายและการถอนเงินสด

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ในเฟส 3 นี้ การถอนเงินสดจะอนุญาตเฉพาะกลุ่มร้านค้าเท่านั้น โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อให้ร้านค้าและประชาชนใช้จ่ายเงินดิจิทัลผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้สะดวกขึ้น ส่วนข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้จ่ายในพื้นที่อำเภอตามทะเบียนบ้านนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

กำหนดการและขั้นตอนการรับสิทธิ์

คาดว่าโครงการจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะการรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งจะแสดงขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

  1. ระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์
  2. ไม่ได้รับสิทธิ์
  3. ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ

สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนและตรวจสอบสถานะได้ที่ธนาคารของรัฐที่ร่วมโครงการ

ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการลงทะเบียนได้ผ่านช่องทางการสื่อสารของกระทรวงการคลังและธนาคารของรัฐที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูล/ภาพ : กรุงเทพธุรกิจ