เอกชนหนุน กกพ. ทบทวนสัญญาโรงไฟฟ้า หวังลดค่าไฟ 17 สตางค์

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงการสนับสนุนแนวทางของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการทบทวนสัญญากับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก เพื่อปรับลดค่าไฟฟ้าลง 17 สตางค์ต่อหน่วย

การสนับสนุนจากภาคเอกชน

  • นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต: รองประธาน ส.อ.ท. เห็นด้วยกับข้อเสนอของ กกพ. ที่จะทบทวนเงื่อนไขการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (VSPP) เพื่อปรับลดค่าไฟฟ้า
  • เป้าหมายการลดค่าไฟฟ้า: การทบทวนสัญญาดังกล่าวคาดว่าจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ 17 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย

แนวทางการปรับปรุงสัญญา

  • โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน: เสนอให้โรงไฟฟ้าที่หมดสัญญาแล้ว แต่ยังสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ ควรได้รับการพิจารณาเงื่อนไขใหม่ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน
  • โรงไฟฟ้าที่คืนทุนแล้ว: ควรทบทวนราคาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ โดยพิจารณาต้นทุนที่แท้จริง เช่น ค่าบำรุงรักษา เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบัน
  • โรงไฟฟ้าที่ยังไม่หมดสัญญา: แนะนำให้ปรับราคาซื้อขายไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบัน โดยอาจขยายระยะเวลาสัญญาเป็นการชดเชย

การเจรจากับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

  • ค่าพร้อมจ่าย (Availability Payment – AP): เสนอให้ภาครัฐเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) เพื่อปรับลดค่าพร้อมจ่าย ซึ่งเป็นต้นทุนที่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้า แม้โรงไฟฟ้าไม่ได้เดินเครื่อง
  • ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติ: แนะนำให้พิจารณาปรับลดค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติที่คืนทุนแล้ว เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า

การตอบสนองจากกระทรวงพลังงาน

  • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือกับเลขาธิการ กกพ. และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับแนวทางการลดค่าไฟฟ้า
  • ผลการประชุม: สรุปว่าไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอของ กกพ. ในการทบทวนสัญญากับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กได้ เนื่องจากมีข้อผูกพันทางสัญญา
  • แนวทางอื่น: กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาวิธีการอื่น เช่น การปรับปรุงระบบ Pool Gas เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน

การสนับสนุนจากภาคเอกชนและการพิจารณาของภาครัฐในครั้งนี้ แสดงถึงความพยายามร่วมกันในการหาแนวทางลดค่าไฟฟ้า เพื่อประโยชน์ของประชาชนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ