ครม.สัญจร จ่ออนุมัติงบฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ เล็งพิจารณางบดูแลโลมาอิรวดี

“จิรายุ” เผย ครม.สัญจร เตรียมอนุมัติงบฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ 3 จังหวัด วงเงินรวม 304 ล้าน เล็งพิจารณางบ 402 ล้าน ดูแลโลมาอิรวดี ส่งเสริมการท่องเที่ยว-อนุรักษ์ จ่อยกระดับรถไฟรางคู่เสริมการค้าสู่อินโดจีน

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2568 จังหวัดสงขลา ส่วนใหญ่มีสาระสำคัญในการประชุมเพื่ออนุมัติงบประมาณในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย รวมถึงงบประมาณฟื้นฟูพื้นที่จากภัยพิบัติน้ำท่วมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 วงเงินประมาณ 304,800,000 บาท โดยแบ่งให้กับจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส จังหวัดละประมาณ 100 ล้านบาท ในการซ่อมแซมผิวถนน รวมถึงเขื่อนคลองที่มีความชำรุดทรุดโทรม

โฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า พื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับจังหวัดสงขลา คือสถานที่ท่องเที่ยวในการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยจะมีการพิจารณางบประมาณ 402 ล้านบาท ในการดูแลโลมาอิรวดี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและรักษาพันธุ์ปลาสำคัญ ซึ่งตนได้รับรายงานจากตำรวจท่องเที่ยวว่ามีชาวมาเลเซียเดินทางมายังบริเวณด่านศุลกากรสะเดา ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อีกทั้งเห็นว่าช่วงเวลา 02.00 น. มีนักท่องเที่ยวประมาณ 95% เป็นชาวไทยและมาเลเซีย มาเยี่ยมชมตลาดในเมืองอยู่

เมื่อถามถึงกรณีที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์อาจจะต้องมีการยกระดับรถไฟรางคู่เป็นรถไฟนานาชาตินั้น นายจิรายุ กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งเดินทางไปจังหวัดยะลาและนราธิวาส ได้ดำริถึงโครงการรถไฟรางคู่จากชุมทางหาดใหญ่ ซ้ายไปสุไหงโก-ลก ขวาไปด่านปาดังเบซาร์ โดยทั้งสองจุดเป็นจุดสำคัญที่จะพัฒนาด้านสินค้าและเชื่อมต่อเส้นทางจากกรุงเทพมหานครไปภาคใต้ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) น่าจะรายงานความคืบหน้าเรื่องการดำเนินการ อีกทั้งการตรวจสินค้าของทางศุลกากรด่านสะเดา ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ไม่ต้องเปิดตู้คอนเทนเนอร์ก็สามารถเห็นได้ว่าสินค้าที่ส่งออกนำเข้าเป็นอะไร โดยเรื่องของรถไฟรางคู่มาภาคใต้ นายกรัฐมนตรีดำริชัดเจน เพราะต้องเร่งดำเนินการเพื่อทำการค้าขายระหว่างภาคใต้ สิงคโปร์ เข้าสู่ประเทศไทยผ่านไปประเทศอินโดจีน

ส่วนคำถามถึงการยกระดับรถไฟรางคู่สู่ด่านปาดังเบซาร์ นายจิรายุ ระบุว่า เป็นวาระจร เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปที่จังหวัดยะลาและนราธิวาสซึ่งได้ดำริถึงการรถไฟทั้งคู่ เมื่อเดินทางมาถึงชุมทางหาดใหญ่ซึ่งแยกออกไปเป็นซ้ายไปด่านสุไหงโก-ลก และขวาไปที่ด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งสองจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่พัฒนาสินค้า และเป็นการเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้ และการประชุมในวันพรุ่งนี้จะมีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการถึงรถไฟที่จะเข้าไปสู่ประเทศมาเลเซีย เพื่อขายสินค้าและการตรวจสินค้าของด่านศุลกากรนั้นมีการใช้เครื่องเอกซเรย์รุ่นใหม่ที่ไม่ต้องมีเปิดตู้ตรวจสอบว่า สินค้าที่ส่งออกและนำเข้านั้นเป็นประเภทใด ดังนั้น ในเรื่องของรถไฟรางคู่สู่ภาคใต้นั้น ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีการดำริไว้ จะต้องเร่งดำเนินการมาให้ได้เพื่อค้าขายภาคใต้กับชายแดน ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์หรือมาเลเซียที่จะเข้าสู่ด่านปาดังเบซาร์ สู่ด่านกัวลาลัมเปอร์ และประเทศกลุ่มอินโดจีน

ขณะเดียวกัน โฆษกรัฐบาล ยังเผยถึงความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเชิญชวนนักธุรกิจจีน ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาเพิ่มเติมและถอดแบบออกมาให้ชัดเจน เนื่องจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาโครงการนี้ไปแล้ว ปัจจุบันจะเสนอรูปแบบโครงการอย่างไร เช่น รูปแบบถนน ระบบศุลกากร และการขนส่งสินค้า เพื่อให้อัปเดตกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะมีการรายงานต่อที่ประชุม ครม.สัญจร ในวันพรุ่งนี้ด้วย.

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ