ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทย ม.ค. 68 ปรับตัวดีขึ้นทุกภูมิภาค

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนมกราคม 2568 เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค สะท้อนผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) ประจำเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ระดับ 49.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.7 ในเดือนธันวาคม 2567 การสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 มกราคม 2568 โดยรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ประกอบการและหอการค้าทั่วประเทศจำนวน 369 ราย

การปรับตัวของดัชนีในแต่ละภูมิภาค

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือนมกราคม 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ดังนี้:

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ดัชนีฯ อยู่ที่ 49.3 เพิ่มขึ้นจาก 49.0 ในเดือนธันวาคม 2567
  • ภาคกลาง: ดัชนีฯ อยู่ที่ 48.9 เพิ่มขึ้นจาก 48.8
  • ภาคตะวันออก: ดัชนีฯ อยู่ที่ 52.0 เพิ่มขึ้นจาก 51.6
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ดัชนีฯ อยู่ที่ 47.6 เพิ่มขึ้นจาก 47.4
  • ภาคเหนือ: ดัชนีฯ อยู่ที่ 48.8 เพิ่มขึ้นจาก 48.4
  • ภาคใต้: ดัชนีฯ อยู่ที่ 47.7 เพิ่มขึ้นจาก 47.4

ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่น

การปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่:

  • มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล: การโอนเงิน 10,000 บาท และมาตรการ Easy E-receipt ช่วยเสริมสร้างการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศ
  • การลงทุนภาคเอกชน: การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคมากขึ้น
  • การส่งออกที่ขยายตัว: การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2567 ขยายตัว 8.68%
  • ราคาน้ำมันที่ลดลง: ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง ช่วยลดต้นทุนการผลิตและการขนส่ง
  • ราคาพืชผลการเกษตรที่ดีขึ้น: พืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น หรือทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

ปัจจัยลบที่ยังคงเป็นความท้าทาย

แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่:

  • การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก: ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
  • การปรับค่าแรงขั้นต่ำ: ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจเกษตรและก่อสร้าง
  • ปัญหาค่าครองชีพ: ผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลต่อยอดขายของธุรกิจที่อาจไม่เติบโต
  • ปัญหาฝุ่น PM2.5: กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและอาจส่งผลต่อการท่องเที่ยว
  • ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ: อาจมีผลต่อการส่งออกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
  • การอ่อนค่าของเงินบาท: สะท้อนถึงการไหลออกของเงินทุนสุทธิ

ข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ

เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการได้เสนอแนะแนวทางดังต่อไปนี้:

  • ควบคุมราคาต้นทุนปัจจัยการผลิต: เพื่อลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการภาคการผลิต
  • สนับสนุนด้านเงินทุนและหนี้สิน: เพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน
  • ส่งเสริมการใช้จ่ายและการลงทุน: ผ่านมาตรการที่สร้างแรงจูงใจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
  • สนับสนุนธุรกิจสีเขียว: เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ย

ข้อมูล/ภาพ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์