ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย คดีฟ้องร้องซีพีเอฟ กรณีผลกระทบสิ่งแวดล้อม
เมื่อวานนี้ 30 ม.ค. 68 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยในคดีที่ชาวบ้านจังหวัดสมุทรสงครามฟ้องร้องบริษัท ซีพีเอฟ (CPF) กรณีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยพยานที่ให้การในครั้งนี้มี 2 คน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม และนักวิชาการด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ศาลได้ดำเนินการไต่สวนทีมทนายความด้านสิ่งแวดล้อมจากสภาทนายความ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 และได้ไต่สวนประชาชนผู้ฟ้องคดี 2 คน ได้แก่ นายปัญญา โตกทอง และนางสาวบุญยืน ศิริธรรม เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568
ทั้งนี้ ศาลนัดรับฟังคำสั่งในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ว่าจะรับพิจารณาคดีนี้ในรูปแบบการฟ้องร้องแบบกลุ่มหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางดำเนินคดีและการเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทจำเลยต่อไป
ย้อน Timeline คดีชาวบ้านฟ้องร้องบริษัทซีพีเอฟ กรณีกรณีปลาหมอคางดำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ปี 2567
- 7 กรกฎาคม 2567 – ชาวบ้านในจังหวัดสมุทรสงครามเริ่มร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมของบริษัท ซีพีเอฟ (CPF) โดยอ้างว่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศและการทำประมงในพื้นที่
- 5 กันยายน 2567 – ตัวแทนชาวบ้านสมุทรสงคราม พร้อมด้วยสภาทนายความ ยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และคดีปกครองต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 2,400 ล้านบาทจากบริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ
ปี 2568
- 21 มกราคม 2568 – ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ไต่สวนทีมทนายความด้านสิ่งแวดล้อมจากสภาทนายความ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้าน
- 24 มกราคม 2568 – ศาลไต่สวนประชาชนผู้ฟ้องคดี 2 คน ได้แก่ นายปัญญา โตกทอง เครือข่ายประชาชนคนรักแม่กลอง และนางสาวบุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค
- 30 มกราคม 2568 – ศาลไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม และนักวิชาการด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
- 4 มีนาคม 2568 – ศาลนัดรับฟังคำสั่งว่าจะรับพิจารณาคดีนี้ในรูปแบบการฟ้องร้องแบบกลุ่ม (class action) หรือไม่
หากศาลรับคดีนี้เป็นคดีแบบกลุ่ม การดำเนินคดีจะมีผลครอบคลุมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในวงกว้าง และอาจเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับคดีด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต
หมายเหตุ : CPF นำเข้าปลาหมอคางดำครั้งแรกปี 2549 และครั้งที่สองปี 2553 โดยนำเข้า 2,000 ตัว และอ้างว่าทำลายทั้งหมดในเดือน มกราคม 2554 แต่มีรายงานว่าปลายังคงอยู่ในฟาร์มจนถึงปี 2560