เปิดรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร กำหนดทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้าน อนุญาตตั้งกาสิโนในไทย พร้อมกำหนดมาตรการควบคุมเข้มงวด อายุใบอนุญาต 30 ปี
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ที่กำหนดกรอบการจัดตั้ง “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” (Entertainment Complex) ซึ่งกำหนดให้เป็นสถานที่รวมสถานบันเทิงหลายประเภทในพื้นที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามกีฬา สวนสนุก ร้านอาหาร ไนต์คลับ พื้นที่ส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นต้น
โดยต้องมีอย่างน้อย 4 ประเภทและอาจมีกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด ร่วมกับกาสิโน
โครงสร้างการกำกับดูแล
ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. กำหนดให้มีการกำกับดูแล 3 ระดับ ประกอบด้วย
1. คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร
มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. คณะกรรมการบริหาร
มีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน พร้อมกรรมการโดยตำแหน่ง 11 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 3 คนจากด้านเศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ กฎหมายหรือสังคม
3. สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร
เป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งผู้อำนวยการ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ทั้งนี้ สำนักงานฯ ต้องทำหน้าที่ป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบด้วย
หลักเกณฑ์การดำเนินการ
- ผู้รับใบอนุญาตต้องเป็นบริษัทหรือบริษัทมหาชน ซึ่งจดทะเบียนในไทยและมีทุนชำระแล้วมากกว่า 10,000 ล้านบาท
- ระยะเวลา 30 ปี และต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี
- สำหรับการเข้าใช้บริการกาสิโนมีบัญชีรายชื่อต้องห้าม โดยห้ามบุคคลต่างๆ เข้า เช่น บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ผู้ซึ่งสำนักงานฯ สั่งห้ามเข้า เป็นต้น
- สถานที่ตั้งและจำนวนใบอนุญาต เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
- สัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และสัดส่วนของพนักงานคนไทยและต่างด้าวถูกกำหนดโดยคณะกรรมการนโยบาย
- ห้ามมิให้มีการพนันออนไลน์ (ห้ามเชื่อมต่อระบบเพื่อให้บุคคลที่อยู่ภายนอกกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันได้)
- ห้ามเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับกาสิโน เว้นแต่จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารประกาศกำหนด
ประเภทธุรกิจที่อนุญาต
ตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติ กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิง 10 ประเภท ได้แก่
- 1ห้างสรรพสินค้า
- โรงแรม
- ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์
- สนามกีฬา
- ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ
- สถานที่เล่นเกม
- สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
- สวนสนุก
- พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
- กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
เพดานอัตราค่าธรรมเนียม
- การขอรับใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท
- ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท และรายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท
- ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท และรายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท
- ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท
- ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท
ทั้งนี้สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรมีรายได้จากเงินอุดหนุน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และค่าเข้าของคนไทย โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
เลขานายกฯ ชี้แจงความเข้าใจ
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สังคมมักเข้าใจผิดว่าโครงการนี้เน้นเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว กาสิโนจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น เราต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่เหมาะสำหรับครอบครัว ประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์ประชุม สถานบันเทิง และพื้นที่จัดกิจกรรม โดยมีคาสิโนเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ไม่เกิน 5% ของพื้นที่ทั้งหมด เช่นเดียวกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส
รัฐบาลประเมินว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 ตำแหน่งในช่วงก่อสร้าง พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรไทย นอกจากนี้ยังกำหนดเงื่อนไขด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้ผู้ประกอบการต้องมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนโดยรอบ
“ไทยต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องแข่งขันกับโอซาก้าของญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิด ผู้ประกอบการหลายรายมองว่าไทยมีศักยภาพสูงมาก เพราะมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน บางรายถึงกับบอกว่าไทยอาจสร้างอารีน่าขนาด 16,000 ที่นั่งได้ ซึ่งใหญ่กว่าที่อื่นที่ทำได้แค่ 12,000 ที่นั่ง” นพ.พรหมินทร์กล่าว
พร้อมกับระบุถึงกรณีที่มีข่าวว่าสิงคโปร์ล็อบบี้ไม่ให้กลุ่ม Las Vegas Sands เข้ามาลงทุนในไทยว่า หากกลุ่ม Las Vegas Sands ไม่มาลงทุนก็ยังมีนักลงทุนรายอื่นที่สนใจลงทุนอีก 5 ราย เราก็เลือกรายอื่น
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะต้องเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถต่อยอดจากโครงการเดิมได้ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง โดยจะเน้นการพัฒนาบนที่ดินของรัฐ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ